วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาอัตลักษณ์ของชุมชนชาวไทใหญ่บ้านใหม่หมอกจ๋าม ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ 2) เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ของชุมชนชาวไทใหญ่บ้านใหม่หมอกจ๋าม ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ผู้วิจัยได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับงานวิจัยจากผู้ให้ข้อมูลหลัก ซึ่งประกอบด้วยผู้รู้ในชุมชน เช่น พระสงฆ์ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน เป็นต้น จำนวน 20 ท่าน วิธีการเก็บข้อมูลคือ การสำรวจพื้นที่ สังเกตสภาพวิถีชีวิตของชุมชน การสังเกตการณ์ การสัมภาษณ์และการสนทนากลุ่มย่อย แล้วทำการจัดหมวดหมู่และทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ โดยนำทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาประกอบการวิเคราะห์และตีความแล้วนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบของการเขียนเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า ชาวไทใหญ่บ้านใหม่หมอกจ๋ามมีสภาพวิถีชีวิตที่ผูกพันอยู่กับไร่นา ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย สมาชิกในชุมชนพึ่งพาอาศัยช่วยเหลือกันและกันเหมือนญาติ มีความผูกพันแน่นแฟ้นในระบบเครือญาติ มีความศรัทธาเลื่อมใส่ในพระพุทธศาสนาแบบผสมผสานกับความเชื่อดั้งเดิม ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณีที่ผสมผสานและเชื่อมโยงระหว่างพุทธศาสนา ความเชื่อสิ่งเหนือธรรมชาติ ภูตผีวิญญาณเทพาอารักษ์ ประวัติศาสตร์ และอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ ผ่านพิธีกรรมต่าง ๆ ส่งผลให้ชาวไทใหญ่มีพิธีกรรมตั้งแต่เกิดจนตาย การเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ของชุมชนชาวไทใหญ่บ้านใหม่หมอกจ๋ามพบว่า มีการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ด้านสถาบันทางสังคมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถาบันครอบครัว การศึกษา และเศรษฐกิจ เยาวชนชาวไทใหญ่ต่างหลั่งไหลออกไปประกอบอาชีพนอกชุมชนเป็นจำนวนมาก เพื่อหาโอกาสและช่องทางในการสร้างฐานะครอบครัว มีการพัฒนาและยกระดับคุณภาพ ชีวิตด้วยการศึกษา โดยพ่อแม่จะส่งลูกหลานได้เรียนหนังสือในระดับสูง ๆ ขึ้นไป และสำเร็จการศึกษาออกมาประกอบอาชีพตามวิชาความรู้และวิทยาการใหม่ ๆ ที่ได้เล่าเรียนมา ระบบเศรษฐกิจในชุมชนมีความหลากหลายทางด้านอาชีพ การทำเกษตรกรรมเชิงพาณิชย์ มีการลงทุนสูง การปลูกพืชผักและไม้ผลของโครงการหลวงสามารถสร้างรายได้จนมีฐานะเลี้ยงชีวิตครอบครัวได้ มีการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในการอำนวยความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น ยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์การสื่อสาร เป็นต้น
วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาอัตลักษณ์ของชุมชนชาวไทใหญ่บ้านใหม่หมอกจ๋าม ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ 2) เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ของชุมชนชาวไทใหญ่บ้านใหม่หมอกจ๋าม ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ผู้วิจัยได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับงานวิจัยจากผู้ให้ข้อมูลหลัก ซึ่งประกอบด้วยผู้รู้ในชุมชน เช่น พระสงฆ์ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน เป็นต้น จำนวน 20 ท่าน วิธีการเก็บข้อมูลคือ การสำรวจพื้นที่ สังเกตสภาพวิถีชีวิตของชุมชน การสังเกตการณ์ การสัมภาษณ์และการสนทนากลุ่มย่อย แล้วทำการจัดหมวดหมู่และทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ โดยนำทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาประกอบการวิเคราะห์และตีความแล้วนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบของการเขียนเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า ชาวไทใหญ่บ้านใหม่หมอกจ๋ามมีสภาพวิถีชีวิตที่ผูกพันอยู่กับไร่นา ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย สมาชิกในชุมชนพึ่งพาอาศัยช่วยเหลือกันและกันเหมือนญาติ มีความผูกพันแน่นแฟ้นในระบบเครือญาติ มีความศรัทธาเลื่อมใส่ในพระพุทธศาสนาแบบผสมผสานกับความเชื่อดั้งเดิม ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณีที่ผสมผสานและเชื่อมโยงระหว่างพุทธศาสนา ความเชื่อสิ่งเหนือธรรมชาติ ภูตผีวิญญาณเทพาอารักษ์ ประวัติศาสตร์ และอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ ผ่านพิธีกรรมต่าง ๆ ส่งผลให้ชาวไทใหญ่มีพิธีกรรมตั้งแต่เกิดจนตาย การเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ของชุมชนชาวไทใหญ่บ้านใหม่หมอกจ๋ามพบว่า มีการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ด้านสถาบันทางสังคมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถาบันครอบครัว การศึกษา และเศรษฐกิจ เยาวชนชาวไทใหญ่ต่างหลั่งไหลออกไปประกอบอาชีพนอกชุมชนเป็นจำนวนมาก เพื่อหาโอกาสและช่องทางในการสร้างฐานะครอบครัว มีการพัฒนาและยกระดับคุณภาพ ชีวิตด้วยการศึกษา โดยพ่อแม่จะส่งลูกหลานได้เรียนหนังสือในระดับสูง ๆ ขึ้นไป และสำเร็จการศึกษาออกมาประกอบอาชีพตามวิชาความรู้และวิทยาการใหม่ ๆ ที่ได้เล่าเรียนมา ระบบเศรษฐกิจในชุมชนมีความหลากหลายทางด้านอาชีพ การทำเกษตรกรรมเชิงพาณิชย์ มีการลงทุนสูง การปลูกพืชผักและไม้ผลของโครงการหลวงสามารถสร้างรายได้จนมีฐานะเลี้ยงชีวิตครอบครัวได้ มีการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในการอำนวยความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น ยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์การสื่อสาร เป็นต้น
The objectives of this research aimed 1) to study the identity of the Tai Yai community, Ban Mai Mok Cham, Thaton Sub-district, Mae Ai District, Chiang Mai Province and 2) to study the identity changes of the Tai Yai community, Ban Mai Mok District, Thaton Sub-district, Mae Ai District, Chiang Mai Province. The researcher collected data for research from twenty data contributors which consisted of scholars in the community such as monks, the village headman, community leaders, philosophers, villagers, etc. Data collections were explored field-notes, a general observation about people’s lifestyle, ethnographical observation, interviews, and small group discussions. Then, the obtained data had categorized and analyzed by applying relevant theories and qualitative interpret. Then, the results of the analysis had written in the descriptive discussion. The research found that Tai Yai people in Ban Mai Mok Cham have a simply life style which is bound to the agricultural farm. Most of them mainly earned their living with agriculture. With a simple life style, community members rely on helping each other as relatives. They are having a strong kinship system and also have resilient faith in Buddhism. People are not only belief in both combinations of traditional beliefs and Buddhism, but also a belief in supernatural, deities (Thepha Arak), Spirit, ritual history, and ethnic identity through various ceremonies. These are the result for the Tai Yai people to have rituals ceremonies from birth to death. The identity of Tai Yai community in Ban Mai Mok Cham has changed. In the study, it is found that there has been a dramatic change in the social institution identity in especially with family, education, and economic institutions. Tai Yai youths poured out a lot of jobs outside the community. This is to find opportunities and channels to raise a family position. With the development and upgrading the quality of life by education, parents will send their children to study at a higher level and graduate to pursue a career based on the new knowledge and technology that they can be studied. The economic system in the community has a variety of occupations. Commercial agriculture has high investment. Tai Yai people, planted and exported vegetables and fruits through the Royal Project, can generate income that developed their quality of family life. Then, modern technology is used to facilitate everyday life such as vehicles, electrical appliances or even communication equipment, etc.