วิทยานิพนธ์นี้ มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาการแก้ปัญหาความขัดแย้ง 2. เพื่อศึกษาหลักพุทธปรัชญาเถรวาทในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง 3. เพื่อวิเคราะห์การแก้ปัญหาความขัดแย้งตามหลักพุทธปรัชญาเถรวาท มีการดำเนินการวิจัย เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพแบบการวิจัยเอกสาร (Documentary Qualitative Research) ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้าเอกสารปฐมภูมิจากเอกสารขั้นต้น (Primary Sources) และขั้นรอง (Secondary Sources) นำเนื้อหามาวิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูล และนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาความขัดแย้งตามหลักพุทธปรัชญาเถรวาท เป็นลำดับต่อไป ผลการวิจัย พบว่า ในทางปรัชญา มีความหมายในการแก้ปัญหาตามวิธีการของแต่ละสำนัก ปรัชญาตะวันตก เป็นการแก้ปัญหาด้วยหลักเหตุผล หลักกฎหมาย หลักการของศาสนา ส่วนในปรัชญาตะวันออกมีวิธีในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง โดยการทำให้กลมกลืนกับธรรมชาติ ให้ศึกษาและทำความเข้าใจธรรมชาติมากที่สุด ให้อยู่กับธรรมชาติอย่างสันติสุข 1. การแก้ปัญหาความขัดแย้ง สภาพของความขัดแย้งที่เป็นทั้งสาเหตุและผลอยู่ในบุคคล ซึ่งความขัดแย้งหนึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งอีกเรื่องหนึ่งได้เสมอ ถ้าหากการแก้ปัญหาไม่ได้คำนึงถึงธรรมชาติของความขัดแย้งที่มีอยู่จากการเลือกใช้วิธีแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่ไม่เหมาะสม ซึ่งประเด็นปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมมนุษย์ปัจจุบันนั้นได้แบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน คือ 1) ปัญหาความขัดแย้งภายในตนเอง 2) ปัญหาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ 3) ปัญหาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับองค์กร 4) ปัญหาความขัดแย้งระหว่างองค์กรกับองค์กร 2. หลักพุทธปรัชญาเถรวาทในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง จากการศึกษาสำรวจข้อมูลที่เกี่ยวกับหลักพุทธธรรมที่เหมาะสมในการนำมาแก้ปัญหาความขัดแย้ง ทั้งข้อมูลจากพระไตรปิฎก เอกสารทางวิชาการ พบว่าหลักพุทธปรัชญาที่เหมาะสมกับการแก้ปัญหาทั้ง 4 ประเภท ดังต่อไปนี้ 1) การแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในตนเอง ด้วยหลักธรรมขันติโสรัจจะ 2) การแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ ด้วยหลักเบญจศีล-เบญจธรรม 3) การแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับองค์กร ด้วยหลักสาราณียธรรมและ 4) การแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างองค์กรกับองค์กร ด้วยหลักอคติ 3.
วิทยานิพนธ์นี้ มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาการแก้ปัญหาความขัดแย้ง 2. เพื่อศึกษาหลักพุทธปรัชญาเถรวาทในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง 3. เพื่อวิเคราะห์การแก้ปัญหาความขัดแย้งตามหลักพุทธปรัชญาเถรวาท มีการดำเนินการวิจัย เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพแบบการวิจัยเอกสาร (Documentary Qualitative Research) ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้าเอกสารปฐมภูมิจากเอกสารขั้นต้น (Primary Sources) และขั้นรอง (Secondary Sources) นำเนื้อหามาวิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูล และนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาความขัดแย้งตามหลักพุทธปรัชญาเถรวาท เป็นลำดับต่อไป ผลการวิจัย พบว่า ในทางปรัชญา มีความหมายในการแก้ปัญหาตามวิธีการของแต่ละสำนัก ปรัชญาตะวันตก เป็นการแก้ปัญหาด้วยหลักเหตุผล หลักกฎหมาย หลักการของศาสนา ส่วนในปรัชญาตะวันออกมีวิธีในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง โดยการทำให้กลมกลืนกับธรรมชาติ ให้ศึกษาและทำความเข้าใจธรรมชาติมากที่สุด ให้อยู่กับธรรมชาติอย่างสันติสุข 1. การแก้ปัญหาความขัดแย้ง สภาพของความขัดแย้งที่เป็นทั้งสาเหตุและผลอยู่ในบุคคล ซึ่งความขัดแย้งหนึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งอีกเรื่องหนึ่งได้เสมอ ถ้าหากการแก้ปัญหาไม่ได้คำนึงถึงธรรมชาติของความขัดแย้งที่มีอยู่จากการเลือกใช้วิธีแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่ไม่เหมาะสม ซึ่งประเด็นปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมมนุษย์ปัจจุบันนั้นได้แบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน คือ 1) ปัญหาความขัดแย้งภายในตนเอง 2) ปัญหาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ 3) ปัญหาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับองค์กร 4) ปัญหาความขัดแย้งระหว่างองค์กรกับองค์กร 2. หลักพุทธปรัชญาเถรวาทในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง จากการศึกษาสำรวจข้อมูลที่เกี่ยวกับหลักพุทธธรรมที่เหมาะสมในการนำมาแก้ปัญหาความขัดแย้ง ทั้งข้อมูลจากพระไตรปิฎก เอกสารทางวิชาการ พบว่าหลักพุทธปรัชญาที่เหมาะสมกับการแก้ปัญหาทั้ง 4 ประเภท ดังต่อไปนี้ 1) การแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในตนเอง ด้วยหลักธรรมขันติโสรัจจะ 2) การแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ ด้วยหลักเบญจศีล-เบญจธรรม 3) การแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับองค์กร ด้วยหลักสาราณียธรรมและ 4) การแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างองค์กรกับองค์กร ด้วยหลักอคติ 3.
วิเคราะห์การแก้ปัญหาความขัดแย้งตามหลักพุทธปรัชญาเถรวาท สรุปได้ดังนี้ 3.1 การแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในตัวเอง ใช้หลักขันติโสรัจจะ หมายถึงต้องมีความอดทนอดกลั้นต่อความยากลำบาก อดทนต่อความอยาก อดทนต่อสิ่งยั่วยุทางวัตถุ ปฏิบัติตนด้วยความสงบเสงี่ยม ไม่แสดงอาการต่าง ๆ ที่ไม่น่าดู ให้ปรากฏแก่สาธารณะ เมื่ออดทนได้ ปัญหาความขัดแย้งภายในตัวเองก็จะบรรเทาบางลง 3.2 การแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ ใช้หลักเบญจศีลเบญจธรรม หมายถึง ศีลจะมีสาระที่มุ่งเพื่อการไม่เบียดเบียน ซึ่งเป็นขั้นต้นที่สุดของการสร้างสภาพแวดล้อมทางสังคม ที่เกื้อกูลของสิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ส่วนตัว โดยขัดเกลาตนเองเพื่อจุดหมายที่จำเพาะมากยิ่งขึ้น 3.3 การแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับองค์กร ใช้หลักสาราณียธรรม หมายถึง แนวทางปฏิบัติของผู้ที่อยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม ตั้งแต่ขนาดเล็ก เช่นครอบครัว จนถึงระดับประเทศชาติ วิถีชีวิตของสังคม เมื่อผูกพันอยู่กับหลักสาราณียธรรม จึงทำให้ผู้คนในสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในชนบทอยู่อย่างสงบสุข 3.4 การปฏิบัติหน้าที่ โดยปราศจากความสำเอียงเพราะความชอบ เพราะความชัง เพราะความหลง และเพราะความกลัว ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความถูกต้อง โดยการละเว้นจากอคติทั้ง 4 ประการ องค์กรแต่ละองค์กรก็จะมีความขัดแย้งลดลง มีผลทำให้สังคมสงบสุข และอยู่กันอย่างสันติต่อไป
The objectives of this thesis were : 1) to study conflict resolution 2) to study the Theravada Buddhist Philosophy involving conflict resolution 3) to analyze conflict resolution based on Theravada Buddhist Philosophy. The data acquired for this research was documentary qualitative research, which including both primary sources and secondary sources. Analysis of data was performed and presented in form of “Conflict resolution based on Theravada Buddhist Philosophy” The results of research were found that : The Philosophical aspects, the conflict resolution is differed among western philosophy schools. Mainly, resolution is based on principle of logic, law, and religion. On the other hand, conflict resolution in eastern philosophy uses principle of nature, harmonize with nature, understand it, and peacefully live within it. 1.The conflict resolution. The problem of the conflict is both cause and effect in a person. One conflict can always lead to another. If the solution does not take into account the nature of the conflict choosing to use improper conflict resolution solutions. The issues of conflicts that arise in human society today can be summarized as follow: 1) Self-conflict problem 2) Individual-to-Individual conflict problem 3) Organization–Individual conflict problem and 4)Organization-to-Organization conflict problem. 2.Theravada Buddhist Philosophy in resolving conflicts from the study to explore information about Buddhist principles suitable for solving conflicts. Both information from the Tripitaka, academic documents. The Buddhist philosophy is suitable for solving problems as follows: 1) Self-conflict resolution, using Khanti and Soracca 2)Individual-to-Individual conflict resolution, using Pañca-sila and Pañcadhamma 3) Organization–Individual conflict resolution, using Säranïyadhamma, 4) Organization-to-Organization conflict resolution, using Agati. 3.Analyze the conflicts resolution according to Theravada Buddhist philosophy summarized as follows 3.1. Self-conflict resolution, using Khanti and Soracca, which mean one must have tolerance toward hardship, desire, and materialistic seduction. Act with tranquility, does not express undesirable behavior in public. When the tolerance is achieved, self-conflict will be resolved. 3.2. Individual-to-Individual conflict resolution, using Pañca-sila and Pañca-dhamma. This means applying Sila into action, focusing on non-exploitation, which is the most basic step of shaping society’s environment, leading to coexistence, privacy, and self-realization. 3.3. Organization–Individual conflict resolution, using Säranïyadhamma, which mean behavioral guideline for members of the organization, starting from smallest such as family, to larger level like the nation. If society’s way of life is bound with Säranïyadhamma, members of society will live together in peace. 3.4. Organization-to-Organization conflict resolution, using Agati. This is the Dhamma of leader and commoner alike. Leaders of society should devote themselves to this virtue, since it mainly affects the core of management and administration. Understanding and applying Agati will yield positive effects toward ruling and governing, follow by the peace of society.