Search results

2,196 results in 0.16s

หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์(ศน.ม) พุทธศาสน์ศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2556
ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์(ศน.ม) พุทธศาสน์ศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2556
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา,สารนิพนธ์(ศน.ม)--มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย,2548
Note: ฉบับอัดสำเนา,สารนิพนธ์(ศน.ม)--มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย,2548
หนังสือ

หนังสือ

หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2558
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2558
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2556
ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2556
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ สาขาการบริหารการศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2557
ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ สาขาการบริหารการศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2557
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) สาขาวิชาการจัดการศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2551
ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) สาขาวิชาการจัดการศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2551
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม.) สาขาวิชาพุทธศาสน์ศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2552
ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม.) สาขาวิชาพุทธศาสน์ศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2552
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) การบริหารการศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2558
ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) การบริหารการศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2558
หนังสือ

    ฉบับอัตสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม.) สาขาวิชาพุทธศาสน์ศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2550
ฉบับอัตสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม.) สาขาวิชาพุทธศาสน์ศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2550
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) สาขาวิชาพุทธศาสนาและปรัชญา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2551
ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) สาขาวิชาพุทธศาสนาและปรัชญา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2551
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม.) รัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2558
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม.) รัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2558
หนังสือ

หนังสือ

หนังสือ

หนังสือ

หนังสือ

หนังสือ

หนังสือ

หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม) รัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2557
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม) รัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2557
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2558
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2558
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 253
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 253
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2553
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2553
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม.) สาขาสังคมวิทยา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2552
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม.) สาขาสังคมวิทยา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2552
หนังสือ

หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์(ศน.ม)--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2554
ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์(ศน.ม)--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2554
หนังสือ

    ฉบับอัดสําเนา,วิทยานิพนธ์(ศน.ม.)--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย,2542
Note: ฉบับอัดสําเนา,วิทยานิพนธ์(ศน.ม.)--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย,2542
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา,วิทยานิพนธ์(ศน.ม)--มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย,2548
Note: ฉบับอัดสำเนา,วิทยานิพนธ์(ศน.ม)--มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย,2548
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) สาขาพุทธศาสนาและปรัชญา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2553
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) สาขาพุทธศาสนาและปรัชญา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2553
หนังสือ

    การศึกษาการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชุมชนกะเหรี่ยง บ้านพระบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูนมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชุมชนกะเหรี่ยง บ้านพระบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ ประชากรที่อาศัยอยู่ในชุมชนกะเหรี่ยงบ้านพระบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน จำนวนทั้งสิ้น 25 ราย คัดเลือกผู้ที่อาศัยในพื้นที่เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 30 ปี ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพ เพื่อทำความเข้าใจปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชุมชนกะเหรี่ยง บ้านพระบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน โดยใช้แบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผลการวิจัยพบว่า : การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชุมชนกะเหรี่ยง บ้านพระบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เกิดจากสภาพวิถีชีวิตของชุมชนในอดีตและปัจจุบัน ประกอบด้วยด้านครอบครัว ด้านอาชีพ ด้านการศึกษา ด้านการปกครอง ด้านศาสนาและวัฒนธรรม และด้านเทคโนโลยี และมีสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในชุมชน ประกอบด้วยสาเหตุภายใน ได้แก่ สาเหตุจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร ความต้องการทางด้านวัตถุ การยอมรับประเพณีและวัฒนธรรมใหม่ๆ เข้ามาในชุมชน สาเหตุจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป เมื่อรับวัฒนธรรมภายนอกเข้ามา ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงแปลงไปด้วย และสาเหตุจากความเชื่อ ประเพณี และวัฒนธรรมการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ส่วนสาเหตุภายนอก ได้แก่ เกิดจากสาเหตุด้านการพัฒนาของภาครัฐ และสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชุมชนกะเหรี่ยงบ้านพระบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
การศึกษาการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชุมชนกะเหรี่ยง บ้านพระบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูนมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชุมชนกะเหรี่ยง บ้านพระบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ ประชากรที่อาศัยอยู่ในชุมชนกะเหรี่ยงบ้านพระบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน จำนวนทั้งสิ้น 25 ราย คัดเลือกผู้ที่อาศัยในพื้นที่เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 30 ปี ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพ เพื่อทำความเข้าใจปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชุมชนกะเหรี่ยง บ้านพระบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน โดยใช้แบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผลการวิจัยพบว่า : การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชุมชนกะเหรี่ยง บ้านพระบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เกิดจากสภาพวิถีชีวิตของชุมชนในอดีตและปัจจุบัน ประกอบด้วยด้านครอบครัว ด้านอาชีพ ด้านการศึกษา ด้านการปกครอง ด้านศาสนาและวัฒนธรรม และด้านเทคโนโลยี และมีสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในชุมชน ประกอบด้วยสาเหตุภายใน ได้แก่ สาเหตุจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร ความต้องการทางด้านวัตถุ การยอมรับประเพณีและวัฒนธรรมใหม่ๆ เข้ามาในชุมชน สาเหตุจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป เมื่อรับวัฒนธรรมภายนอกเข้ามา ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงแปลงไปด้วย และสาเหตุจากความเชื่อ ประเพณี และวัฒนธรรมการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ส่วนสาเหตุภายนอก ได้แก่ เกิดจากสาเหตุด้านการพัฒนาของภาครัฐ และสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชุมชนกะเหรี่ยงบ้านพระบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
This is the study of the lifestyle and change of the Karen community in Phra Bath Huai Tom village, Na Sai Sub-district, Li District, Lamphun Province. This study aimed to study the lifestyle and changes of the Karen community in Phra Bath Huai Tom village, Na Sai Sub-district, Li District, Lamphun Province. The sample in this study was the 25 people who lived in Ban Phra Bath Huai Tom Karen community, Na Sai Sub-district, Li District, Lamphun Province. All of the participant must have lived in the area for at least 30 years. The research designed qualitatively in order to investigate the phenomena of the lifestyle changes of the Karen community in Ban Phra Bath Huai Tom, Na Sai Sub-district, Li District, Lamphun Province. Interviewing was the tool for data collection. The research finds that : Lifestyle changes of the Karen community Ban Phra Bath Huai Tom, Na Sai Sub-district, Li District, Lamphun Province are, most of data analysis presented comparing, a result of the past and present community lifestyle which was consisting of family, career, education, administration, religion and culture, and technology. Those are reasons why the cause changes in lifestyle in the community. The changes were consisting of internal causes because of the increasing of their population, the materialism trend, and the accepting of new traditions and cultures. That is the main reason why their lifestyle was changing. When Karen people received external culture, this makes the way of life changing as well as beliefs, traditions and culture. The external cause is affected by the development of local and centered government which changed their lifestyle of Karen community in Ban Phra Bath Huai Tom community, Na Sai Sub-district, Li District, Lamphun Province.
หนังสือ

    วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑) ศึกษาสันติภาพในพุทธปรัชญาเถรวาท ๒) ศึกษาหลักเมตตาในพุทธปรัชญาเถรวาท และ ๓) ศึกษาการสร้างสันติภาพในสังคมด้วยหลักเมตตาในพุทธปรัชญาเถรวาท วิทยานิพนธ์นี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ เน้นวิจัยทางด้านเอกสาร โดยการศึกษาข้อมูลจากพระไตรปิฎก หนังสือ เอกสาร ผลงานวิจัยของนักวิชาการ ตลอดจนผลงานของผู้รู้ในทางพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้อง นำเนื้อหามาวิเคราะห์ แล้วนำเสนอในเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า ในพุทธปรัชญาเถรวาท สันติภาพ หมายถึง การที่จิตใจสงบหลุดพ้นแล้วจากกิเลสตัณหา เป็นสภาพจิตใจที่บรรลุถึงพระนิพพาน สันติภาพในพุทธปรัชญาเถรวาท แบ่งออกเป็น ๒ ประเภทคือ (๑) สันติภาพภายใน คือสภาพจิตใจที่เป็นอิสระจากความคิด หรืออารมณ์ ด้วยการปฏิบัติตามมัชฌิมาปฏิปทา หรือมรรค ๘ เพื่อบรรลุถึงสันติภายในจิตใจที่เป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิต คือ นิพพาน (๒) สันติภาพภายนอก คือสภาวะที่บุคคล สังคม ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่ฆ่าหรือทำร้ายร่างกายของกันและกัน ด้วยการปฏิบัติตามหลักเบญจศีลเบญจธรรม และกุศลกรรมบถ เพื่อทำให้กาย วาจาสงบ ดังนั้นสันติภาพภายในกับสันติภาพภายนอก จึงแยกกันไม่ออกต้องพัฒนาไปพร้อมๆ กัน เมตตา คือ ความรักสรรพสัตว์อย่างไม่มีขอบเขต เมตตาเป็นหลักธรรมที่สำคัญในพุทธปรัชญาเถรวาท คือ เป็นพื้นฐานของการควบคุมความประพฤติของมนุษย์ ให้มีความเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน ไม่ ให้เบียดเบียนกันทำให้มนุษย์และสัตว์ทั้งปวงอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ด้วยการปฏิบัติเมตตามโนกรรม คือจะคิดสิ่งใดประกอบสิ่งใดก็ให้คิดด้วยเมตตา เมตตาวจีกรรม คือจะพูดจาสิ่งใดประกอบสิ่งใดก็ให้พูดจาด้วยเมตตา และเมตตากายกรรม คือจะกระทำการสิ่งใดประกอบสิ่งใดก็ให้กระทำด้วยเมตตา ดังนั้นการมีเมตตาอยู่ในจิตใจ จึงเปรียบเสมือนการทำความดีทั้งปวง ด้วยกาย วาจา ใจ มโนกรรมเป็นกรรมที่สำคัญที่สุดในการกำหนดการกระทำทั้งหมดของมนุษย์ เพราะเป็นจุด เริ่มต้นของกายกรรมและวจีกรรม การเจริญเมตตาจัดเป็นการปฏิบัติศาสนธรรมที่สำคัญต่อการเสริม สร้างสันติภาพ ๑) ในระดับบุคคล ได้แก่ การใช้หลักเมตตาในเบญจธรรม เบญจธรรม เป็นธรรมที่ดี สะอาด เพราะกำจัดธรรมที่ไม่สะอาด คือ โทสะ เป็นคุณธรรมคู่กับเบญจศีล เบญจศีลเป็นข้อที่ควรงดเว้น ส่วนเบญจธรรมเป็นข้อควรปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความความเรียบร้อยด้านกายกรรมและวจีกรรม ทำให้บุคคลอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ๒) ในระดับสังคม ได้แก่ การใช้หลักเมตตาในพรหมวิหารธรรม เป็นคุณธรรมที่เกิดขึ้นภายในชีวิตจิตใจ หรือที่เรียกว่า มโนกรรม ทำให้ประชาชนในชุมชนมีความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และส่งเสริมให้ประพฤติปฏิบัติตนได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์เช่นพระพรหม เป็นคุณธรรมเพื่อการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นอย่างสันติสุข ความสัมพันธ์ระหว่างการสร้างสันติภาพในตัวบุคคลจึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่จะนำไปสู่การสร้างสันติภาพในสังคมอย่างแท้จริง
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑) ศึกษาสันติภาพในพุทธปรัชญาเถรวาท ๒) ศึกษาหลักเมตตาในพุทธปรัชญาเถรวาท และ ๓) ศึกษาการสร้างสันติภาพในสังคมด้วยหลักเมตตาในพุทธปรัชญาเถรวาท วิทยานิพนธ์นี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ เน้นวิจัยทางด้านเอกสาร โดยการศึกษาข้อมูลจากพระไตรปิฎก หนังสือ เอกสาร ผลงานวิจัยของนักวิชาการ ตลอดจนผลงานของผู้รู้ในทางพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้อง นำเนื้อหามาวิเคราะห์ แล้วนำเสนอในเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า ในพุทธปรัชญาเถรวาท สันติภาพ หมายถึง การที่จิตใจสงบหลุดพ้นแล้วจากกิเลสตัณหา เป็นสภาพจิตใจที่บรรลุถึงพระนิพพาน สันติภาพในพุทธปรัชญาเถรวาท แบ่งออกเป็น ๒ ประเภทคือ (๑) สันติภาพภายใน คือสภาพจิตใจที่เป็นอิสระจากความคิด หรืออารมณ์ ด้วยการปฏิบัติตามมัชฌิมาปฏิปทา หรือมรรค ๘ เพื่อบรรลุถึงสันติภายในจิตใจที่เป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิต คือ นิพพาน (๒) สันติภาพภายนอก คือสภาวะที่บุคคล สังคม ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่ฆ่าหรือทำร้ายร่างกายของกันและกัน ด้วยการปฏิบัติตามหลักเบญจศีลเบญจธรรม และกุศลกรรมบถ เพื่อทำให้กาย วาจาสงบ ดังนั้นสันติภาพภายในกับสันติภาพภายนอก จึงแยกกันไม่ออกต้องพัฒนาไปพร้อมๆ กัน เมตตา คือ ความรักสรรพสัตว์อย่างไม่มีขอบเขต เมตตาเป็นหลักธรรมที่สำคัญในพุทธปรัชญาเถรวาท คือ เป็นพื้นฐานของการควบคุมความประพฤติของมนุษย์ ให้มีความเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน ไม่ ให้เบียดเบียนกันทำให้มนุษย์และสัตว์ทั้งปวงอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ด้วยการปฏิบัติเมตตามโนกรรม คือจะคิดสิ่งใดประกอบสิ่งใดก็ให้คิดด้วยเมตตา เมตตาวจีกรรม คือจะพูดจาสิ่งใดประกอบสิ่งใดก็ให้พูดจาด้วยเมตตา และเมตตากายกรรม คือจะกระทำการสิ่งใดประกอบสิ่งใดก็ให้กระทำด้วยเมตตา ดังนั้นการมีเมตตาอยู่ในจิตใจ จึงเปรียบเสมือนการทำความดีทั้งปวง ด้วยกาย วาจา ใจ มโนกรรมเป็นกรรมที่สำคัญที่สุดในการกำหนดการกระทำทั้งหมดของมนุษย์ เพราะเป็นจุด เริ่มต้นของกายกรรมและวจีกรรม การเจริญเมตตาจัดเป็นการปฏิบัติศาสนธรรมที่สำคัญต่อการเสริม สร้างสันติภาพ ๑) ในระดับบุคคล ได้แก่ การใช้หลักเมตตาในเบญจธรรม เบญจธรรม เป็นธรรมที่ดี สะอาด เพราะกำจัดธรรมที่ไม่สะอาด คือ โทสะ เป็นคุณธรรมคู่กับเบญจศีล เบญจศีลเป็นข้อที่ควรงดเว้น ส่วนเบญจธรรมเป็นข้อควรปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความความเรียบร้อยด้านกายกรรมและวจีกรรม ทำให้บุคคลอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ๒) ในระดับสังคม ได้แก่ การใช้หลักเมตตาในพรหมวิหารธรรม เป็นคุณธรรมที่เกิดขึ้นภายในชีวิตจิตใจ หรือที่เรียกว่า มโนกรรม ทำให้ประชาชนในชุมชนมีความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และส่งเสริมให้ประพฤติปฏิบัติตนได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์เช่นพระพรหม เป็นคุณธรรมเพื่อการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นอย่างสันติสุข ความสัมพันธ์ระหว่างการสร้างสันติภาพในตัวบุคคลจึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่จะนำไปสู่การสร้างสันติภาพในสังคมอย่างแท้จริง
The objectives of this thesis were as follows: 1) To study of peace formation in Theravada Buddhist philosophy, 2) To study the principle of metta in Theravada Buddhist philosophy, and 3) To study of peace formation in social by metta’s principle in Theravada buddhist philosophy. This was qualitative research collecting the data from the Tipitaka, documents and research works. The data were analyzed and the presented in a descriptive method. The results of the research were found as follows: In Theravada buddhist philosophy, peace mean the mind is calm are free from already defilements craving. This mind condition to attainment at Nibbana. The peace in Theravada Buddhist philosophy, distribute 2 kind is 1) Inner peace is a mental condition free from thought or emotion with the way middle path practice or the path 8. That attainment of ultimate peace of mind in the goal of life viz Nibbana. 2) Outer peace was the condition that a person, social, do not exploit each other. do not kill or injure of one another, with practice the five precepts, the five ennobling virtues and Wholesome course of action for make the body, the speech is calm. Thus the Inner peace with Outer peace, then separate don't go out must develop go to at the same time. Metta (loving-kindness) is aboundless love for all fellow beings. Metta is the essential principle in Theravada buddhist philosophy to control behavior of the human beings which makes ones to be generous, no injury to each other, the human beings and sentient being to stay together happily and to make peace for social. Metta behavior for Metta Manokamma (mental action) be will think an anything assembles an anything , think with be loving-kindness, Metta Vacakamma (verbal action) be will talk an anything assembles an anything, talk with be loving-kindness, Metta Kayakamma (bodily action) be will do an anything assembles an anything , do with be loving-kindness. Thus having loving-kindness is in the mind, Then compared as doing goodness whole, with a body, word and mind. Manokamma is an essential principle kamma in Buddhism for point action of all human beings because it’s begin of verbal action and bodily action. The practice of metta or loving-kindness is an essential part of the religious training necessary for the promotion of peace. 1) Individual level such as Metta’s principle in Pancadhamma meaning the goodness and the virtues as the means to eradicate Dosa. Five precepts and Pancadhamma are the pairs of each other. Five precepts is the factor for refraining and Pancadhamma is the factor for practicing both of which cause of verbal action and bodily action to the peace. (2) Social Level such as Metta’s principle in Brahmaviharadhamma, the virtues as the means to inside mind or Mettamanokamma in their life, and make people in the community to have the love, the goodwill to each other. There should listen the other’s opinions and should encourage to behave for excellent existence living and being guiltless person as Brahma. That will be virtues to live with one another peace. The relation between building peace will in a person then basically important base to will bring about to building peace in the social actually.
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2556
ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2556
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์(ศน.ม)--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2553
ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์(ศน.ม)--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2553
หนังสือ

    ฉบับอัดสําเนา,วิทยานิพนธ์(ศน.ม)--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย,2543
Note: ฉบับอัดสําเนา,วิทยานิพนธ์(ศน.ม)--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย,2543
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2552
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2552
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา,วิทยานิพนธ์(ศน.ม)--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย,2550
ฉบับอัดสำเนา,วิทยานิพนธ์(ศน.ม)--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย,2550
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2551
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2551
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2559
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2559
หนังสือ

    วิทยานิพนธ์นี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ ๑) เพื่อศึกษาสัมมาทิฏฐิตามหลักพุทธปรัชญาเถรวาท ๒) เพื่อศึกษาการสร้างสันติสุขตามหลักพุทธปรัชญาเถรวาท และ ๓) เพื่อวิเคราะห์สัมมาทิฏฐิ ในการสร้างสันติสุขในสังคมไทยตามหลักพุทธปรัชญาเถรวาท การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งเน้นการวิจัยทางเอกสาร โดยศึกษาจากพระไตรปิฎก และจากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหลักคำสอนเรื่องสัมมาทิฏฐิที่ปรากฏในพุทธปรัชญาเถรวาท ผลการวิจัยพบว่า สัมมาทิฏฐิเป็นองค์ประกอบข้อแรกของมรรคมีองค์ ๘ ซึ่งเป็นองค์ ต้นทางแห่งมรรค โดยที่องค์มรรคอีกทั้ง ๗ ข้อ ก็มีคำว่า สัมมา อยู่ข้างหน้าทุกองค์ ๒ และจะเห็นว่า “สัมมา” แปลว่า “ชอบ” หรือ “ถูก” และ “ทิฏฐิ” แปลว่า “ความเห็น” สัมมาทิฏฐินั้นเปรียบประดุจแกนนำ หรือในมุมของปฏิจจสมุปบาท ถ้ามีสัมมาทิฏฐิเป็นตัวนำวิถีชีวิตก็จะดำเนินไปในสายดับทุกข์ (นิโรธวาร) หรือ ปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘ การสร้างสันติสุขมี ๒ ปัจจัย ได้แก่ (๑) ปัจจัยภายนอก สำหรับคนสามัญนั้นต้องอาศัยการชี้แนะจากคนดี มีปัญญา มีคุณธรรม ทำหน้าที่ช่วยเหลือแนะนำสั่งสอนให้ผู้อื่นมีความเห็นถูกและคล้อยไปตามคำแนะนำชักจูงที่ฉลาดได้ง่ายและจะต้องฝึกหัดให้สามารถใช้ความคิดอย่างถูกวิธีด้วยตนเองได้ เป็นกัลยาณมิตรโดยแท้มี ๒ ด้าน คือ (๑) คุณสมบัติที่แสดงออกภายนอก คือ คุณสมบัติมิตรที่ดี ๗ ได้แก่ ๑) มิตรมีใจงามชนิดอุปการะ ๒) ทมะ ๓) มิตรมีใจงามชนิดมีใจรัก ๔) สัจจะ ๕) ขันติ ๖) มิตรมีใจงามชนิดร่วมทุกข์ร่วมสุข ๗) มิตรมีใจงามชนิดแนะนำประโยชน์ (๒) ปัจจัยภายใน ได้แก่ ฝึกหัดอบรม กาย วาจา จิตใจ และปัญญาให้ยิ่งขึ้นไปจนบรรลุจุดหมายสูงสุด คือ พระนิพพาน ผลการวิเคราะห์สัมมาทิฏฐในการสร้างสันติสุขในสังคมไทยนั้น ก่อให้เกิดความเห็นถูก เห็นชอบซึ่งต้องตั้งต้นด้วยความเห็นชอบเสมอ อีกทั้งเพื่อให้มีความสมดุล ในด้านต่างๆเช่น ด้านการศึกษา สังคม สิ่งแวดล้อม เพื่อให้มีความพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านการศึกษา สังคม สิ่งแวดล้อมจากวัฒนธรรมอื่นที่หลั่งไหลเข้ามาจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี
วิทยานิพนธ์นี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ ๑) เพื่อศึกษาสัมมาทิฏฐิตามหลักพุทธปรัชญาเถรวาท ๒) เพื่อศึกษาการสร้างสันติสุขตามหลักพุทธปรัชญาเถรวาท และ ๓) เพื่อวิเคราะห์สัมมาทิฏฐิ ในการสร้างสันติสุขในสังคมไทยตามหลักพุทธปรัชญาเถรวาท การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งเน้นการวิจัยทางเอกสาร โดยศึกษาจากพระไตรปิฎก และจากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหลักคำสอนเรื่องสัมมาทิฏฐิที่ปรากฏในพุทธปรัชญาเถรวาท ผลการวิจัยพบว่า สัมมาทิฏฐิเป็นองค์ประกอบข้อแรกของมรรคมีองค์ ๘ ซึ่งเป็นองค์ ต้นทางแห่งมรรค โดยที่องค์มรรคอีกทั้ง ๗ ข้อ ก็มีคำว่า สัมมา อยู่ข้างหน้าทุกองค์ ๒ และจะเห็นว่า “สัมมา” แปลว่า “ชอบ” หรือ “ถูก” และ “ทิฏฐิ” แปลว่า “ความเห็น” สัมมาทิฏฐินั้นเปรียบประดุจแกนนำ หรือในมุมของปฏิจจสมุปบาท ถ้ามีสัมมาทิฏฐิเป็นตัวนำวิถีชีวิตก็จะดำเนินไปในสายดับทุกข์ (นิโรธวาร) หรือ ปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘ การสร้างสันติสุขมี ๒ ปัจจัย ได้แก่ (๑) ปัจจัยภายนอก สำหรับคนสามัญนั้นต้องอาศัยการชี้แนะจากคนดี มีปัญญา มีคุณธรรม ทำหน้าที่ช่วยเหลือแนะนำสั่งสอนให้ผู้อื่นมีความเห็นถูกและคล้อยไปตามคำแนะนำชักจูงที่ฉลาดได้ง่ายและจะต้องฝึกหัดให้สามารถใช้ความคิดอย่างถูกวิธีด้วยตนเองได้ เป็นกัลยาณมิตรโดยแท้มี ๒ ด้าน คือ (๑) คุณสมบัติที่แสดงออกภายนอก คือ คุณสมบัติมิตรที่ดี ๗ ได้แก่ ๑) มิตรมีใจงามชนิดอุปการะ ๒) ทมะ ๓) มิตรมีใจงามชนิดมีใจรัก ๔) สัจจะ ๕) ขันติ ๖) มิตรมีใจงามชนิดร่วมทุกข์ร่วมสุข ๗) มิตรมีใจงามชนิดแนะนำประโยชน์ (๒) ปัจจัยภายใน ได้แก่ ฝึกหัดอบรม กาย วาจา จิตใจ และปัญญาให้ยิ่งขึ้นไปจนบรรลุจุดหมายสูงสุด คือ พระนิพพาน ผลการวิเคราะห์สัมมาทิฏฐในการสร้างสันติสุขในสังคมไทยนั้น ก่อให้เกิดความเห็นถูก เห็นชอบซึ่งต้องตั้งต้นด้วยความเห็นชอบเสมอ อีกทั้งเพื่อให้มีความสมดุล ในด้านต่างๆเช่น ด้านการศึกษา สังคม สิ่งแวดล้อม เพื่อให้มีความพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านการศึกษา สังคม สิ่งแวดล้อมจากวัฒนธรรมอื่นที่หลั่งไหลเข้ามาจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี
This thesis serves the purposes: 1) to study Right Understanding in Theravada Buddhist philosophy, 2) to study creating peace in Theravada Buddhist Philosophy, and 3) to analyze right understanding to create peace of Thai’s society in Theravada Buddhist Philosophy. It has been carried out with qualitative research methodology, of which its sources include The Tipitaka, relevant researches and other texts to supplement it. The results of the research were found that: The righteous thoughts are the first element of the eight paths of the path. By the 7 other paragraphs, the word is right in front of all 2, and see that “right” means “right” or “right” and “point” means “opinion”. There are two levels of peace building: (1) external factors For ordinary people, it requires the guidance of the good, the wise, the virtuous, the help, the instruction, the instruction to others, the right opinion, and follow the instructions to induce the smart and easy to practice to be able to use the right thinking. The analysis of the expected results when applied Sammathit to create peace in Thai society. It is for the opinion to be approved, which must always be initiated with approval. Also to be balanced. In such areas as education, social and environmental, to be ready to accommodate the rapid and widespread change in education, society, environment, from other cultures flowing from the outside world as well.