Search results

2,196 results in 0.07s

หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2558
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2558
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2558
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2558
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม.) รัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2559
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม.) รัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2559
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม) รัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2557
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม) รัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2557
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศษ.ม) การบริหารการศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2558
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศษ.ม) การบริหารการศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2558
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2553
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ร.ม) สาขารัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2553
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม) สาขาการบริหารการศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2558
ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม) สาขาการบริหารการศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2558
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) รัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2557
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศน.ม) รัฐศาสตร์การปกครอง--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2557
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศษ.ม.) สาขาการบริหารการศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2560
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศษ.ม.) สาขาการบริหารการศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2560
หนังสือ

    วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาสถาพการบริหารวัดของพระสังฆาธิการในเขต ทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ๒) เพื่อศึกษาการบริหารวัดของพระสังฆาธิการตามหลักธรรมาภิบาลในเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ๓) เพื่อศึกษาทั้งเสนอแนวทางการบริหารวัดของพระสังฆาธิการตามหลักธรรมาภิบาลในเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร โดยผู้วิจัยได้ใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยการสัมภาษณ์เจาะลึก ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน ๑๐ รูป/คน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า ๑. พระสังฆาธิการมีความเข้าใจในหลักการบริหาร (การปกครอง) คณะสงฆ์เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร โดยรวมอยู่ในระดับดีมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านเรียงตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า พระสังฆาธิการมีความคิดเห็นต่อการบริหาร (การปกครอง) มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ได้แก่ การบริหารทรัพยากรบุคคล (พระสงฆ์) รองลงมา ได้แก่ การบริหารการเงินและทรัพย์สินของวัดอย่างโปร่งใส ๒. ผลการศึกษาการบริหารวัดของพระสังฆาธิการตามหลักธรรมาภิบาล พบว่า พระสังฆาธิการในเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร มีประสบการณ์บริหารวัดโดยหลักธรรมาภิบาล โดยรวมทั้ง ๖ ด้าน ไม่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานของการวิจัยที่ตั้งไว้ ๓. จากข้อค้นพบที่ได้จากการศึกษา ผู้วิจัยเห็นว่าควรมีข้อเสนอแนะที่เป็นเชิงนโยบาย ที่สำคัญดังนี้ ๓.๑ ข้อเสนอแนะด้านบุคคล คณะสงฆ์เขตทวีวัฒนามีนโยบายการอยู่ร่วมกันอย่างครอบครัว เป็นนโยบายที่ดี แต่มีจุดที่ควรเสนอแนะ ว่า การปกครองนั้นบุคลากรในองค์กรมีทั้งคนที่เชื่อฟังและคนเชื่อฟัง บางคนเป็นคนดื้อเงียบ ดังนั้นคณะสงฆ์เขตทวีวัฒนาควรมีนโยบายกำกับอีกชั้นหนึ่ง คือนโยบายการปรับตัวให้เข้ากับสภาพของการเป็นคณะสงฆ์ เพื่อให้พระสงฆ์รุ่นใหม่ ๆ ได้เข้าใจสภาพของตนมากยิ่งขึ้น พระสงฆ์บางรูปบวชน้อยยังติดนิสัยฆราวาสอยู่ก็ต้องทำความเข้าใจว่าการบวชคืออะไร มีความสำคัญเพียงใด เป็นต้น ๓.๒ ข้อเสนอแนะด้านการเงิน คณะสงฆ์เขตทวีวัฒนา มีนโยบายในการบริหารจัดการ ด้านหลักความรับผิดชอบ และหลักความโปร่งใส เพราะพระสงฆ์ต้องปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยและการที่พระสงฆ์เป็นระดับพระสังฆาธิการต้อรอบคอบเกี่ยวกับรายรับรายจ่ายของวัด ต้องจัดทำบัญชีวัดรู้จักการบริหารเงิน ว่าเงินประเภทไหนใช้อย่างไร และต้องมีหลักฐานการใช้จ่ายอย่างชัดเจน ๓.๓ ข้อเสนอแนะด้านวัสดุ ทรัพย์สินของวัด คณะสงฆ์เขตทวีวัฒนามีการบริหารจัดการสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ อย่างถูกต้อง มีการจัดทำบัญชีทรัพย์สิน เอกสารสิทธิ์ที่ดินมีการเก็บรักษาตามระเบียบสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และทรัพย์สินภายในวัดมีการทำบัญชีอย่างชัดเจน ๓.๔ ข้อเสนอแนะด้านการจัดการองค์กร คณะสงฆ์เขตทวีวัฒนา มีการบริหารจัดการ ด้านองค์กรในภาพรวม คือมีสายการบังคับบัญชาตามแนวดิ่ง ผู้บังคับบัญชาสั่งการตามสายงานการปกครอง มีการแต่งตั้งพระภายในวัดให้มีหน้าที่ควบคุมดูแลงานที่ถนัด มีการแต่งตั้งพระเลขานุการทำหน้าที่ช่วยสนองงานเจ้าอาวาสและผู้ช่วยเจ้าอาวาส ได้อีกระดับหนึ่ง หลังจากที่ได้ดำเนินการทำวิจัยเรื่องการบริหารวัดของพระสังฆาธิการตามหลักธรรมาภิบาล ในเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ผู้วิจัยเห็นว่าควรมีการดำเนินการวิจัยหลังจากนี้ คือ - มีการปฏิบัติตามนโยบายของเจ้าคณะเขตทวีวัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยน
วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาสถาพการบริหารวัดของพระสังฆาธิการในเขต ทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ๒) เพื่อศึกษาการบริหารวัดของพระสังฆาธิการตามหลักธรรมาภิบาลในเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ๓) เพื่อศึกษาทั้งเสนอแนวทางการบริหารวัดของพระสังฆาธิการตามหลักธรรมาภิบาลในเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร โดยผู้วิจัยได้ใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยการสัมภาษณ์เจาะลึก ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน ๑๐ รูป/คน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า ๑. พระสังฆาธิการมีความเข้าใจในหลักการบริหาร (การปกครอง) คณะสงฆ์เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร โดยรวมอยู่ในระดับดีมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านเรียงตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า พระสังฆาธิการมีความคิดเห็นต่อการบริหาร (การปกครอง) มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ได้แก่ การบริหารทรัพยากรบุคคล (พระสงฆ์) รองลงมา ได้แก่ การบริหารการเงินและทรัพย์สินของวัดอย่างโปร่งใส ๒. ผลการศึกษาการบริหารวัดของพระสังฆาธิการตามหลักธรรมาภิบาล พบว่า พระสังฆาธิการในเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร มีประสบการณ์บริหารวัดโดยหลักธรรมาภิบาล โดยรวมทั้ง ๖ ด้าน ไม่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานของการวิจัยที่ตั้งไว้ ๓. จากข้อค้นพบที่ได้จากการศึกษา ผู้วิจัยเห็นว่าควรมีข้อเสนอแนะที่เป็นเชิงนโยบาย ที่สำคัญดังนี้ ๓.๑ ข้อเสนอแนะด้านบุคคล คณะสงฆ์เขตทวีวัฒนามีนโยบายการอยู่ร่วมกันอย่างครอบครัว เป็นนโยบายที่ดี แต่มีจุดที่ควรเสนอแนะ ว่า การปกครองนั้นบุคลากรในองค์กรมีทั้งคนที่เชื่อฟังและคนเชื่อฟัง บางคนเป็นคนดื้อเงียบ ดังนั้นคณะสงฆ์เขตทวีวัฒนาควรมีนโยบายกำกับอีกชั้นหนึ่ง คือนโยบายการปรับตัวให้เข้ากับสภาพของการเป็นคณะสงฆ์ เพื่อให้พระสงฆ์รุ่นใหม่ ๆ ได้เข้าใจสภาพของตนมากยิ่งขึ้น พระสงฆ์บางรูปบวชน้อยยังติดนิสัยฆราวาสอยู่ก็ต้องทำความเข้าใจว่าการบวชคืออะไร มีความสำคัญเพียงใด เป็นต้น ๓.๒ ข้อเสนอแนะด้านการเงิน คณะสงฆ์เขตทวีวัฒนา มีนโยบายในการบริหารจัดการ ด้านหลักความรับผิดชอบ และหลักความโปร่งใส เพราะพระสงฆ์ต้องปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยและการที่พระสงฆ์เป็นระดับพระสังฆาธิการต้อรอบคอบเกี่ยวกับรายรับรายจ่ายของวัด ต้องจัดทำบัญชีวัดรู้จักการบริหารเงิน ว่าเงินประเภทไหนใช้อย่างไร และต้องมีหลักฐานการใช้จ่ายอย่างชัดเจน ๓.๓ ข้อเสนอแนะด้านวัสดุ ทรัพย์สินของวัด คณะสงฆ์เขตทวีวัฒนามีการบริหารจัดการสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ อย่างถูกต้อง มีการจัดทำบัญชีทรัพย์สิน เอกสารสิทธิ์ที่ดินมีการเก็บรักษาตามระเบียบสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และทรัพย์สินภายในวัดมีการทำบัญชีอย่างชัดเจน ๓.๔ ข้อเสนอแนะด้านการจัดการองค์กร คณะสงฆ์เขตทวีวัฒนา มีการบริหารจัดการ ด้านองค์กรในภาพรวม คือมีสายการบังคับบัญชาตามแนวดิ่ง ผู้บังคับบัญชาสั่งการตามสายงานการปกครอง มีการแต่งตั้งพระภายในวัดให้มีหน้าที่ควบคุมดูแลงานที่ถนัด มีการแต่งตั้งพระเลขานุการทำหน้าที่ช่วยสนองงานเจ้าอาวาสและผู้ช่วยเจ้าอาวาส ได้อีกระดับหนึ่ง หลังจากที่ได้ดำเนินการทำวิจัยเรื่องการบริหารวัดของพระสังฆาธิการตามหลักธรรมาภิบาล ในเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ผู้วิจัยเห็นว่าควรมีการดำเนินการวิจัยหลังจากนี้ คือ - มีการปฏิบัติตามนโยบายของเจ้าคณะเขตทวีวัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยน
แปลงเจ้าคณะเขตหรือไม่ก็ตาม คณะสงฆ์ควรยึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการในด้านการปกครองไว้อย่างมาตรฐาน - ควรมีการประชาสัมพันธ์ให้คณะสงฆ์เขตอื่น ๆ ได้เข้ามาศึกษาการทำงานของคณะสงฆ์ เขตทวีวัฒนา เพื่อให้รู้ถึง นโยบาย แนวคิด การบริหารจัดการ การปกครองที่ยึดหลักธรรมาภิบาล มาปรับปรุงใช้กับคณะสงฆ์เขตอื่น ๆ ได้ - ควรมีการศึกษาความคิดเห็นของพระสงฆ์และประชาชนว่ามีความคิดเห็นด้านใดบ้างกับคณะสงฆ์และควรมีการปรับปรุงในด้านใดบ้าง เพื่อเป็นกระจกเงาสะท้อนให้เห็นถึงความบกพร่องบางประการหรือแนวคิดที่ควรมีการปรับปรุง แก้ไข เพิ่มเติมอย่างไร - ควรมีการนำนโยบายต่าง ๆ รวบรวมเป็นหนังสือ คู่มือการปฏิบัติงานของคณะสงฆ์เขต ทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร เพื่อศึกษาในด้านการวิจัยครั้งต่อไป เป็นข้อมูลชั้นปฐมภูมิและข้อมูลที่มีประโยชน์แก่ผู้ศึกษาต่อไปได้ - ควรมีการศึกษาด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยอยู่เสมอเพื่อนำมาปรับใช้กับการบริหารกิจการคณะสงฆ์ โดยการตั้งคณะทำงานด้านเวปไซค์ หรือด้านไอที เพื่อเป็นการทันสมัยอยู่เสมอ
This thesis has the following objectives: 1) to study the state of temple administration of administrative monks in Thawi Watthana District of Bangkok, 2) to study the temple administration of administrative monks in Thawi Watthana District of Bangkok according to good governance principles, and in 3) to propose guidelines for temple administration monks of administrative monks in Thawi Watthana District of Bangkok according to good governance principles. The data of this qualitative research were collected by in-depth interview with 10 key informants and then analyzed by content analysis. The research results were found that: 1. The administrative monks in Thawi Watthana District of Bangkok understand the principles of administration at a high level overall. The highest level is on human resource management, followed by temple financial management and property management. 2. The administrative monks in Thawi Watthana District of Bangkok have experiences in temple administration based on good governance in 6 aspects indifferently as the hypothesis set in the study. 3. The suggestions obtained from the study were as follows: 3.1 In personnel administration, the administrative monks should adjust the administration system to the new generation monks in order to make them understand their status in Buddhism. 3.2 In financial administration, the temple account income should be arranged systematically to comply with the monastic discipline and Sangha regulations. 3.3 In temple material, equipment and property, the temple chattel and real estate should be listed systematically according to the regulations of Office of National Buddhism. 3.4 In organizational administration, since the Sangha administration has a vertical command, the administration should be classified and assigned to the abbot, abbot assistant, and secretary respectively. After conducting the research on the management of temples, the things that should be carried on are as follows: - To follow the principles of good governance in the Sangha administration although there is a reshuffle of the administrative monks. - There should be public relations for administrative monks in other district clergic areas to come and study the work of Sangha in Thawi Watthana district. - There should be a study of the opinions of monks and people in the area for improvement of the Sangha administration. - The work and policy of Sangha administration should be compiled and printed as a manual of Sangha administration in Thawi Watthana district. - The modern information technology should be used in Sangha administration in the area.
หนังสือ

    วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาการบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามหลักธรรมา ภิบาลของพระสังฆาธิการในเขตอําเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม 2) เพื่อเปรียบเทียบการบริหารกิจ การคณะสงฆ์ตามหลักธรรมาภิบาลของพระสังฆาธิการในเขตอําเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ที่มี อายุ พรรษา วุฒิการศึกษาต่างกัน 3) เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามหลักธรรมาภิบาลของพระสังฆาธิการในเขตอําเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม การวิจัยครั้งนี้ มีประชากรกลุ่มตัวอย่างที่เป็นพระภิกษุในเขตอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม จำนวน 236 รูป เครื่องมือที่ใช้วิจัย คือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test) การทดสอบความแปร ปรวนแบบทางเดียว (F-test or One-way ANOVA) หากพบความแตกต่างทดสอบเป็นรายคู่ด้วยวิธีการของ LSD (Least Significant Difference) ผลการวิจัยพบว่า 1) พระภิกษุกลุ่มตัวอย่าง มีความคิดเห็นต่อการบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามหลักธรรมาภิบาลของพระสังฆาธิการในเขตอําเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยมีดังนี้ ด้านการเผยแผ่ตามหลักธรรมาภิบาล ด้านการสาธารณสงเคราะห์ตามหลักธรรมาภิบาล ด้านการศาสนศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล ด้านการปกครองตามหลักธรรมาภิบาล ด้านการศึกษาสงเคราะห์ตามหลักธรรมาภิบาล และด้านการสาธารณูปการตามหลักธรรมาภิบาล ตามลำดับ 2) การทดสอบสมมติฐานการวิจัย พบว่า พระภิกษุที่มี พรรษา และวุฒิการศึกษาทางธรรมต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามหลักธรรมาภิบาลของพระสังฆาธิการในเขตอําเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โดยรวมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนพระภิกษุที่มีระดับ อายุ และวุฒิการศึกษาทางโลก ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามหลักธรรมาภิบาลของพระสังฆาธิการในเขตอําเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โดยรวมไม่แตกต่างกัน 3) ข้อเสนอแนะแนวทางเกี่ยวกับการบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามหลักธรรมาภิบาลของพระสังฆาธิการในเขตอําเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เห็นว่า งานด้านการปกครองตามหลักธรรมาภิบาลเป็นงานที่ต้องใช้การควบคุม สอดส่องดูแล พระภิกษุ สามเณร รวมถึงศิษย์วัดให้ปฏิบัติตามกรอบพระธรรมวินัย กฏระเบียบมหาเถรสมาคม ส่วนด้านการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล ภาพรวมส่วนใหญ่พระสังฆาธิการมีการส่งเสริม และสนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมทั้งแผนกธรรม บาลี แผนกสามัญตามระเบียบของมหาเถรสมาคม ส่วนด้านศึกษาสงเคราะห์ตามหลักธรรมาภิบาลของพระสังฆาธิการในภาพรวมอยู่ในระดับดี โดยเฉพาะการให้การสงเคราะห์ด้านการฝึกอบรมแก่พระภิกษุ สามเณร และการสงเคราะห์เยาวชนให้ได้รับการศึกษาเล่าเรียนในลักษณะของการแจกทุนการศึกษาด้านการเผยแผ่ตามหลักธรรมาภิบาล เป็นการทำงานของคณะสงฆ์โดยรวม ที่เป็นไปเพื่อการเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนทั้งในวัด นอกวัด ชื่อว่า เป็นภารกิจด้านการเผยแผ่ทั้งสิ้น ส่วนด้านสาธารณูปการตามหลักธรรมาภิบาลเป็นการทำงานลักษณะการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทั้งการพัฒนาวัดในด้านวัตถุทุกอย่าง และการบำรุงดูแลรักษาถาวรวัตถุ หรือสาธารณสมบัติของวัด และด้านสาธารณสงเคราะห์ตามหลักธรรมาภิบาล กิจการคณะสงฆ์ด้านนี้ เป็นภารกิจที่วัด หรือพระภิกษุ ดำเนินการช่วยเหลือสังคม
วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาการบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามหลักธรรมา ภิบาลของพระสังฆาธิการในเขตอําเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม 2) เพื่อเปรียบเทียบการบริหารกิจ การคณะสงฆ์ตามหลักธรรมาภิบาลของพระสังฆาธิการในเขตอําเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ที่มี อายุ พรรษา วุฒิการศึกษาต่างกัน 3) เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามหลักธรรมาภิบาลของพระสังฆาธิการในเขตอําเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม การวิจัยครั้งนี้ มีประชากรกลุ่มตัวอย่างที่เป็นพระภิกษุในเขตอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม จำนวน 236 รูป เครื่องมือที่ใช้วิจัย คือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test) การทดสอบความแปร ปรวนแบบทางเดียว (F-test or One-way ANOVA) หากพบความแตกต่างทดสอบเป็นรายคู่ด้วยวิธีการของ LSD (Least Significant Difference) ผลการวิจัยพบว่า 1) พระภิกษุกลุ่มตัวอย่าง มีความคิดเห็นต่อการบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามหลักธรรมาภิบาลของพระสังฆาธิการในเขตอําเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยมีดังนี้ ด้านการเผยแผ่ตามหลักธรรมาภิบาล ด้านการสาธารณสงเคราะห์ตามหลักธรรมาภิบาล ด้านการศาสนศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล ด้านการปกครองตามหลักธรรมาภิบาล ด้านการศึกษาสงเคราะห์ตามหลักธรรมาภิบาล และด้านการสาธารณูปการตามหลักธรรมาภิบาล ตามลำดับ 2) การทดสอบสมมติฐานการวิจัย พบว่า พระภิกษุที่มี พรรษา และวุฒิการศึกษาทางธรรมต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามหลักธรรมาภิบาลของพระสังฆาธิการในเขตอําเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โดยรวมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนพระภิกษุที่มีระดับ อายุ และวุฒิการศึกษาทางโลก ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามหลักธรรมาภิบาลของพระสังฆาธิการในเขตอําเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โดยรวมไม่แตกต่างกัน 3) ข้อเสนอแนะแนวทางเกี่ยวกับการบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามหลักธรรมาภิบาลของพระสังฆาธิการในเขตอําเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เห็นว่า งานด้านการปกครองตามหลักธรรมาภิบาลเป็นงานที่ต้องใช้การควบคุม สอดส่องดูแล พระภิกษุ สามเณร รวมถึงศิษย์วัดให้ปฏิบัติตามกรอบพระธรรมวินัย กฏระเบียบมหาเถรสมาคม ส่วนด้านการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล ภาพรวมส่วนใหญ่พระสังฆาธิการมีการส่งเสริม และสนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมทั้งแผนกธรรม บาลี แผนกสามัญตามระเบียบของมหาเถรสมาคม ส่วนด้านศึกษาสงเคราะห์ตามหลักธรรมาภิบาลของพระสังฆาธิการในภาพรวมอยู่ในระดับดี โดยเฉพาะการให้การสงเคราะห์ด้านการฝึกอบรมแก่พระภิกษุ สามเณร และการสงเคราะห์เยาวชนให้ได้รับการศึกษาเล่าเรียนในลักษณะของการแจกทุนการศึกษาด้านการเผยแผ่ตามหลักธรรมาภิบาล เป็นการทำงานของคณะสงฆ์โดยรวม ที่เป็นไปเพื่อการเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนทั้งในวัด นอกวัด ชื่อว่า เป็นภารกิจด้านการเผยแผ่ทั้งสิ้น ส่วนด้านสาธารณูปการตามหลักธรรมาภิบาลเป็นการทำงานลักษณะการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทั้งการพัฒนาวัดในด้านวัตถุทุกอย่าง และการบำรุงดูแลรักษาถาวรวัตถุ หรือสาธารณสมบัติของวัด และด้านสาธารณสงเคราะห์ตามหลักธรรมาภิบาล กิจการคณะสงฆ์ด้านนี้ เป็นภารกิจที่วัด หรือพระภิกษุ ดำเนินการช่วยเหลือสังคม
และผู้ประสบภัยพิบัติในลักษณะต่าง ๆ ดังนั้นกิจการคณะสงฆ์ทุกด้านต้องใช้คุณธรรมนำการบริหารให้คำปรึกษากับคณะสงฆ์เมื่อเกิดปัญหา จัดประชุมเปิดโอกาสให้พระสังฆาธิการมีส่วนร่วม แต่การทำงานก็ต้องนำหลักของกฎหมาย หลักความโปร่งใส คุ้มค่าตรวจสอบได้
The objectives of the thesis are: 1) to study Sangha’s affairs administration in accordance with good governance of administrative monks in Nakhon Chaisi district of Nakhon Pathom province, 2) to compare Sangha’s affairs administration in accordance with good governance of administrative monks in Nakhon Chaisi district of Nakhon Pathom province based on their different ages, years in monkhood, and educational backgrounds, and 3) to study guidelines of Sangha’s affairs administration in accordance with good governance of administrative monks in Nakhon Chaisi district of Nakhon Pathom province. The data were collected from 236 monks in Nakhon Chaisi district through questionnaires and analyzed by frequency, percentile, mean, standard deviation, t-test, F-test or One-way ANOVA and Least Significant Difference test. (LSD.) The results of research were found that: 1) The opinion of monks on Sangha’s affairs administration in accordance with good governance of administrative monks in Nakhon Chaisi district of Nakhon Pathom province was at a high level overall. The highest level was on Buddhist propagation according to Good Governance, followed by Public Welfare according to Good Governance, Religious study according to Good Governance, Government according to Good Governance, Educational welfare according to Good Governance, and Public Assistance according to Good Governance respectively. 2) The monks with different years in monkhood and Dhamma educational levels had different opinion levels towards Sangha’s affairs administration in accordance with good governance of administrative monks in Nakhon Chaisi district of Nakhon Pathom province with a statistically significant figure at 0.05, but those with different ages and general education levels showed no different opinion level on Sangha’s affairs administration in accordance with good governance of administrative monks in Nakhon Chaisi district of Nakhon Pathom province. 3) Recommendations and suggestions: On the government according to Good Governance, the duty is to administrate, monitor, and take care of monks and novices under the Dhammavinaya and regulations of the Sangha Council. On the education according to Good Governance, the administrative monks support and promote the study of Dhamma, Palia and general education. On Education Welfare according to Good Governance, the administrative monks provide trainings and funds in study for monks, novices and children. On Propagation according to Good Governance, the temple internal and external teachings and trainings of administrative monks are all included in religious propagation. On Public Assistance according to Good Governance, the work and duty cover the development, renovation, restoration and preservation of the temple buildings, properties and objects. And on Public Welfare according to Good Governance, it is the burden of monks and temples to provide assistances to society and victims of disaster. The Sangha’s affairs should be administrated based on virtue, cooperation, laws and regulations that can lead to transparency, worthiness, and accountability.
หนังสือ

    ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศษ.ม) สาขาการบริหารการศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2561
Note: ฉบับอัดสำเนา, วิทยานิพนธ์ (ศษ.ม) สาขาการบริหารการศึกษา--มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 2561