การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่คาดหวังการบริหารการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดกาฬสินธุ์ 2) เพื่อวิเคราะห์ความต้องการจำเป็น การบริหารการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดกาฬสินธุ์ 3) เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดกาฬสินธุ์ กลุ่มตัวอย่างได้แก่บุคลากร จำนวน 110 คน และผู้ให้สัมภาษณ์จำนวน 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม โดยมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.94 และแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ค่าดัชนีความต้องการจำเป็น (PNI Modified) ผลการวิจัยพบว่า : 1) สภาพปัจจุบันการบริหารการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยรวม อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ด้านงบประมาณ รองลงมาคือ ด้านงานบุคคล ด้านงานวิชาการ ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ ด้านงานทั่วไป ส่วนสภาพที่คาดหวัง โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือด้านงานบุคคล รองลงมาคือ ด้านงานทั่วไป ด้านงานวิชาการ ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ ด้านงบประมาณ 2) ความต้องการจำเป็น เรียงจากความต้องการมากที่สุดไปน้อยที่สุด ได้แก่ ด้านงานทั่วไป ด้านงานบุคคล ด้านงานวิชาการ และด้านงบประมาณ ตามลำดับ 3) แนวทางการบริหารการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดกาฬสินธุ์ ดังนี้ (1) ควรมีแนวปฏิบัติในการดำเนินผลประเมินผลที่ชัดเจน บริหารจัดการตามนโยบาย กิจกรรม และภารกิจ ของสถานศึกษาอย่างเป็นระบบแบบแผนที่กำหนด (2) ควรมีการวางแผนพัสดุ การจัดหาพัสดุ การควบคุมดูแล (3) ควรมีการระดมทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา (4) ควรมีการวิเคราะห์วางแผนอัตรากำลัง เรียงลำดับอัตรากำลังที่ขาดแคลนจากมากไปหาน้อย (5) ควรกำหนดนโยบาย วางแผนงาน โครงการ กิจกรรมของกลุ่มบริหารงานทั่วไปให้ชัดเจน ผู้บริหารควรควบคุมดูแลงานของกลุ่มบริหารงานทั่วไปให้เป็นไปตามนโยบายของสถานศึกษา
การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่คาดหวังการบริหารการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดกาฬสินธุ์ 2) เพื่อวิเคราะห์ความต้องการจำเป็น การบริหารการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดกาฬสินธุ์ 3) เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดกาฬสินธุ์ กลุ่มตัวอย่างได้แก่บุคลากร จำนวน 110 คน และผู้ให้สัมภาษณ์จำนวน 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม โดยมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.94 และแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ค่าดัชนีความต้องการจำเป็น (PNI Modified) ผลการวิจัยพบว่า : 1) สภาพปัจจุบันการบริหารการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยรวม อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ด้านงบประมาณ รองลงมาคือ ด้านงานบุคคล ด้านงานวิชาการ ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ ด้านงานทั่วไป ส่วนสภาพที่คาดหวัง โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือด้านงานบุคคล รองลงมาคือ ด้านงานทั่วไป ด้านงานวิชาการ ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ ด้านงบประมาณ 2) ความต้องการจำเป็น เรียงจากความต้องการมากที่สุดไปน้อยที่สุด ได้แก่ ด้านงานทั่วไป ด้านงานบุคคล ด้านงานวิชาการ และด้านงบประมาณ ตามลำดับ 3) แนวทางการบริหารการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดกาฬสินธุ์ ดังนี้ (1) ควรมีแนวปฏิบัติในการดำเนินผลประเมินผลที่ชัดเจน บริหารจัดการตามนโยบาย กิจกรรม และภารกิจ ของสถานศึกษาอย่างเป็นระบบแบบแผนที่กำหนด (2) ควรมีการวางแผนพัสดุ การจัดหาพัสดุ การควบคุมดูแล (3) ควรมีการระดมทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา (4) ควรมีการวิเคราะห์วางแผนอัตรากำลัง เรียงลำดับอัตรากำลังที่ขาดแคลนจากมากไปหาน้อย (5) ควรกำหนดนโยบาย วางแผนงาน โครงการ กิจกรรมของกลุ่มบริหารงานทั่วไปให้ชัดเจน ผู้บริหารควรควบคุมดูแลงานของกลุ่มบริหารงานทั่วไปให้เป็นไปตามนโยบายของสถานศึกษา
The objectives of the research were 1) to study the current and desired situations of the Educational Administration of the General Education Section of Phrapariyattidhamma Schools In Kalasin Province, 2)to analyze the needs of Educational Administration of the said schools, and 3) to find out the suggestions and recommendations related to the administration of those particular schools. Samples were the personnel of Phrapariyattidhamma Schools In Kalasin Province, totally 110 in number and 10 interviews. The instruments for collecting the data were the questionnaire, with its reliability value at 0.94 and quality-verified interview. The data collected were analyzed by the computer program, and the statistical devices consisted of Frequency, Percentage, mean, and standard deviation. Statistics used to test the hypothesis were PNI Modified The research results were as follows: 1) The current situation of educational administration of the General Education Section of Phrapariyattidhamma Schools in Kalasin Province was, in an overall aspect, found to be at the Medium level, whereas in an individual dimension, the item that stood on top of the scale was financial issue, second to which was personnel administration, followed by academic and general management, respectively. As for the desired situation, it was, in an overall aspect, found to stand at the highest level, but in an individual aspect, the issue that displayed the highest average record was the aspect of personnel administration, followed by general and academic management, with the issue of finance lying at the bottom. 2) The desired needs, ranked downward from top to bottom, were general, personnel, academic and financial management, in that order. 3) The suggestions as recommended by the responses and interviews were the following: (1) Evaluation of performances should be clearly implemented, and administration of policy, activity and duties should be carried on under the plan as established. (2) There should be a well-designed plan for administration of premises and materials, together with their acquirement and control. (3) The finance and investment should be mobilized for the sake of educational promotion. (4) The man power plan should be undertaken on the acquired information in preparation for unexpected situation due to occur. 5) The administrator should run the general administrative commitments along with the institutional policies as set in advance.