วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ 1) เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นของประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลไพรบึง อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ 2) เพื่อเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นของประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลไพรบึง อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา และอาชีพที่ต่างกันและ 3) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาการมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นของประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลไพรบึง อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลไพรบึง อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 390 คน โดยวิธีการใช้สูตรการคำนวณขนาดกลุ่มตัวอย่างของทาโร่ ยามาเน่ (Taro Yamane) และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างตามสะดวก (Convenience Sampling) ในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้คือ ใช้สถิติบรรยาย ได้แก่ ค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และสถิติอนุมานหรืออ้างอิง ได้แก่ การทดสอบค่าที (t-test) การทดสอบความแปรปรวนทางเดียว F-test (One-Way ANOVA) ถ้าพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติจะทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วยวิธีการของ เชฟเฟ่ (Scheffé) โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลและประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ ผลการวิจัยพบว่า การมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นของประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลไพรบึง อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ โดยรวมทั้ง 5 ด้าน อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาในแต่ละด้านเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า ด้านการใช้สิทธิเลือกตั้ง ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ด้านการติดตามข่าวสารทางการเมือง ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ด้านการทำกิจกรรมทางการเมือง ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับน้อยที่สุด ด้านการร่วมรณรงค์ทางการเมือง ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับน้อยที่สุด ด้านการชักจูงให้ผู้อื่นเลือกผู้ที่ตนสนับสนุน ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง ตามลำดับ ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่าประชาชนที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา และอาชีพ ต่างกัน มีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลไพรบึง อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษโดยรวมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ข้อเสนอแนะจากการสัมภาษณ์และแบบสอบถาม มีข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1. ควรมีการรณรงค์ทางการเมือง โดยการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบทางหอกระจายข่าวของหมู่บ้าน, 2. ควรจะให้หัวหน้าครอบครัวชักชวนคนในครอบครัวไปใช้สิทธิเลือกตั้ง, 3. ควรให้ประชาชนช่วยตรวจสอบการใช้งบประมาณขององค์การบริหารส่วนตำบล, 4. ประชาชนที่มีสิทธิ ควรสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกท้องถิ่น
วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ 1) เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นของประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลไพรบึง อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ 2) เพื่อเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นของประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลไพรบึง อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา และอาชีพที่ต่างกันและ 3) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาการมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นของประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลไพรบึง อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลไพรบึง อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 390 คน โดยวิธีการใช้สูตรการคำนวณขนาดกลุ่มตัวอย่างของทาโร่ ยามาเน่ (Taro Yamane) และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างตามสะดวก (Convenience Sampling) ในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้คือ ใช้สถิติบรรยาย ได้แก่ ค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และสถิติอนุมานหรืออ้างอิง ได้แก่ การทดสอบค่าที (t-test) การทดสอบความแปรปรวนทางเดียว F-test (One-Way ANOVA) ถ้าพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติจะทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วยวิธีการของ เชฟเฟ่ (Scheffé) โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลและประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ ผลการวิจัยพบว่า การมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นของประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลไพรบึง อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ โดยรวมทั้ง 5 ด้าน อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาในแต่ละด้านเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า ด้านการใช้สิทธิเลือกตั้ง ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ด้านการติดตามข่าวสารทางการเมือง ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ด้านการทำกิจกรรมทางการเมือง ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับน้อยที่สุด ด้านการร่วมรณรงค์ทางการเมือง ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับน้อยที่สุด ด้านการชักจูงให้ผู้อื่นเลือกผู้ที่ตนสนับสนุน ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง ตามลำดับ ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่าประชาชนที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา และอาชีพ ต่างกัน มีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลไพรบึง อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษโดยรวมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ข้อเสนอแนะจากการสัมภาษณ์และแบบสอบถาม มีข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1. ควรมีการรณรงค์ทางการเมือง โดยการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบทางหอกระจายข่าวของหมู่บ้าน, 2. ควรจะให้หัวหน้าครอบครัวชักชวนคนในครอบครัวไปใช้สิทธิเลือกตั้ง, 3. ควรให้ประชาชนช่วยตรวจสอบการใช้งบประมาณขององค์การบริหารส่วนตำบล, 4. ประชาชนที่มีสิทธิ ควรสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกท้องถิ่น
The objectives of this thesis were as follows: 1) to study a participation in local politics of people in Phrai Bueng Sub-district Administrative Organization, Phrai Bueng District, Si Sa Ket Province, 2) to compare a participation in local politics of people in Phrai Bueng Sub-district Administrative Organization, Phrai Bueng District, Si Sa Ket Province, with different genders, ages, levels of education and occupations; and 3) to study suggestions on problems and guidelines in a participation in local politics of people in Phrai Bueng Sub-district Administrative Organization, Phrai Bueng District, Si Sa Ket Province. Research instruments were questionnaires. The sample were 390 of the peoples who had residences in Phrai Bueng Sub-district Administrative Organization, Phrai Bueng District, Si Sa Ket Province, sized by Taro Yamene’s formula and used Convenience Sampling on collected data. The used statistics were descriptive statistics, frequency, percentage, mean, standard deviation and inferential statistics including T-test and One-Way ANOVA test. If differentiation was found, it was tested in a pair by mean of Scheffe and analyzed by computing. The results of research were found as follows: A participation in local politics of people in Phrai Bueng Sub-district Administrative Organization, Phrai Bueng District, Si Sa Ket Province, was in the whole view of 5 aspects at a medium level. Having been considered each aspect by order of averages from the maximum to the minimum, they were found as follows: The aspect of Election Right, was at a higher level of average, the aspect of Following Up of Political Information was at a higher level of average, the aspect of Political Activities was at the lowest level of average, the aspect of Participation in Political Campaign was also at the lowest level of average; and the aspect of Political Campaign for Election was at a medium level of average. The results of hypothesis-test were found that in the whole view the people with different genders, ages, levels of education, and occupation, had different participation in local politics in Phrai Bueng Sub-district Administrative Organization, Phrai Bueng District, Si Sa Ket Province, with statistical significant level of 0.05. The suggestions obtained from interviews and questionnaires were as follows: 1. There should have political campaign on public relation for informing the people through Broadcast tower; 2. A head of the family should persuade his family members to vote in the political election; 3. The people should be given the right to check budgets used by sub-district administrative organization and 4. The people who had the right should apply for being elected to be members of local politics.