Search results

1 results in 0.06s

หนังสือ

    วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้คือ เพื่อศึกษาการใช้อิทธิบาท 4 ในการเรียนของนักเรียนศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัด เพื่อเปรียบเทียบการใช้อิทธิบาท 4 ในการเรียนของนักเรียนศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัดที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพทางครอบครัว และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่างกัน เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้อิทธิบาท 4 ในการเรียนของนักเรียนศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัด การศึกษาครั้งนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) โดยใช้แบบการวิจัยเชิงปริมาณ ศึกษาโดยใช้แบบสอบถาม และการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้แบบสัมภาษณ์ นักเรียนศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัดจำนวน 400 คน ในการศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาได้กำหนดกลุ่มตัวอย่างจำนวน 196 คน และแบบสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างเจ้าหน้าที่ศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัด จำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามปลายเปิด สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล คือค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า t-test ค่า (One-Way ANOVA or F-test) และทดสอบค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วยวิธีการ (Least Significant Difference) LSD โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ ส่วนข้อเสนอแนะใช้การวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัดใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการเรียนที่ศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัด โดยรวมทั้ง 4 ด้าน อยู่ในระดับมาก เมื่อแยกออกเป็นรายด้านพบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงจากค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า ด้านฉันทะ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือ ด้านจิตตะ และด้านวิมังสา ส่วนด้านวิริยะ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ตามลำดับ 2) ผลการเปรียบเทียบการใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการเรียนของนักเรียนศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัด ที่มี เพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่างกัน พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการเรียนของนักเรียนศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัด พบว่า ด้านจิตตะมีความถี่มากที่สุด คือ ควรเอาใจใส่ในการเรียนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ควรตั้งใจศึกษาเรียนรู้ในวิชาที่เรียนจดบันทึกข้อมูลการเรียนไว้เพื่อนำมาทบทวนได้ ควรมาเรียนให้ตรงต่อเวลา ควรตั้งใจเรียนและรับผิดชอบในงานที่คุณครูมอบหมายงานให้ทำงานให้ดีและสำเร็จ
วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้คือ เพื่อศึกษาการใช้อิทธิบาท 4 ในการเรียนของนักเรียนศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัด เพื่อเปรียบเทียบการใช้อิทธิบาท 4 ในการเรียนของนักเรียนศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัดที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพทางครอบครัว และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่างกัน เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้อิทธิบาท 4 ในการเรียนของนักเรียนศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัด การศึกษาครั้งนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) โดยใช้แบบการวิจัยเชิงปริมาณ ศึกษาโดยใช้แบบสอบถาม และการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้แบบสัมภาษณ์ นักเรียนศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัดจำนวน 400 คน ในการศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาได้กำหนดกลุ่มตัวอย่างจำนวน 196 คน และแบบสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างเจ้าหน้าที่ศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัด จำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามปลายเปิด สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล คือค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า t-test ค่า (One-Way ANOVA or F-test) และทดสอบค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วยวิธีการ (Least Significant Difference) LSD โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ ส่วนข้อเสนอแนะใช้การวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัดใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการเรียนที่ศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัด โดยรวมทั้ง 4 ด้าน อยู่ในระดับมาก เมื่อแยกออกเป็นรายด้านพบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงจากค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า ด้านฉันทะ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือ ด้านจิตตะ และด้านวิมังสา ส่วนด้านวิริยะ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ตามลำดับ 2) ผลการเปรียบเทียบการใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการเรียนของนักเรียนศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัด ที่มี เพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่างกัน พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการเรียนของนักเรียนศูนย์ฝึกอาชีพบางพลัด พบว่า ด้านจิตตะมีความถี่มากที่สุด คือ ควรเอาใจใส่ในการเรียนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ควรตั้งใจศึกษาเรียนรู้ในวิชาที่เรียนจดบันทึกข้อมูลการเรียนไว้เพื่อนำมาทบทวนได้ ควรมาเรียนให้ตรงต่อเวลา ควรตั้งใจเรียนและรับผิดชอบในงานที่คุณครูมอบหมายงานให้ทำงานให้ดีและสำเร็จ
The objectives of this thesis are to study the application of Iddhipada of students in Bangphlad Vocational Training Center, to compare the application of Iddhipada of students in Bangphlad Vocational Training Center who have different sex, age, education level, family status and monthly income, and to suggest the application of Iddhipada in the study of students in Bangphlad Vocational Training Center. The mixed research methods were used in the study. The quantitative data were collected by questionnaire from 196 samples of 400 students. The qualitative data were collected by in-depth interviews with 5 officials in Bangphlad Vocational Training Center. The data were analyzed by frequency, percentage, mean, standard deviation, t-test, and (One-Way ANOVA or F-test). LSD was used to analyze with a computer program for statistical data. The suggestion section was analyzed by content analysis. The results of the research were as follows: 1) Students of Bangphlad Vocational Training Center applied the principles of iddhipada in their study in 4 areas at a high level overall. In details with descending order, the highest level was on Chanda, followed by Citta, Vimamsa and Viriya respectively. 2) The results of comparison in application of Iddhipada in the study, the students with different sex, age, educational level, marital status and monthly income apllied Iddhipada in their study differently with the statistically significant figure at .05 level. 3) Suggestions in the application of Iddhipada in the study indicated that the most frequency was on Citta. Students should pay attention to both theoretical and practical lessons, should take notes for later review, should be punctual and be responsible to the assignments.