การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์การบริหารงานวิชาการแบบมีส่วนร่วมตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอปทุมรัตต์ จังหวัดร้อยเอ็ด 2) เพื่อศึกษาความต้องการจำเป็นการบริหารงานวิชาการแบบมีส่วนร่วมตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และ 3) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะการบริหารงานวิชาการแบบมีส่วนร่วมตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน กลุ่มเป้าหมายการวิจัย ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอปทุมรัตต์ จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 90 รูป/คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม โดยมีค่าความเชื่อมั่นด้านสภาพปัจจุบัน เท่ากับ 0.92 และด้านสภาพที่พึงประสงค์ เท่ากับ 0.91 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย (μ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (σ) และดัชนีการจัดเรียงลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น (PNImodified) ผลการวิจัยพบว่า: 1. สภาพปัจจุบันการบริหารงานวิชาการแบบมีส่วนร่วมตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอปทุมรัตต์ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านโดยเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากสูงสุดไปหาต่ำสุด ได้แก่ ด้านการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ด้านการนิเทศการศึกษา ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา และด้านการวัดและประเมินผล และมีสภาพที่พึงประสงค์โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านโดยเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากสูงสุดไปหาต่ำสุด ได้แก่ ด้านการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ด้านการนิเทศการศึกษา ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา และด้านการวัดและประเมินผล 2. ผลการวิเคราะห์ความต้องการจำเป็นการบริหารงานวิชาการแบบมีส่วนร่วมตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอปทุมรัตต์ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยรวม ด้านที่มีความต้องการจำเป็นมากที่สุด คือ ด้านการวัดและประเมินผล รองลงมา คือ ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ด้านการนิเทศการศึกษา และด้านการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ตามลำดับ 3.
การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์การบริหารงานวิชาการแบบมีส่วนร่วมตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอปทุมรัตต์ จังหวัดร้อยเอ็ด 2) เพื่อศึกษาความต้องการจำเป็นการบริหารงานวิชาการแบบมีส่วนร่วมตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และ 3) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะการบริหารงานวิชาการแบบมีส่วนร่วมตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน กลุ่มเป้าหมายการวิจัย ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอปทุมรัตต์ จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 90 รูป/คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม โดยมีค่าความเชื่อมั่นด้านสภาพปัจจุบัน เท่ากับ 0.92 และด้านสภาพที่พึงประสงค์ เท่ากับ 0.91 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย (μ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (σ) และดัชนีการจัดเรียงลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น (PNImodified) ผลการวิจัยพบว่า: 1. สภาพปัจจุบันการบริหารงานวิชาการแบบมีส่วนร่วมตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอปทุมรัตต์ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านโดยเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากสูงสุดไปหาต่ำสุด ได้แก่ ด้านการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ด้านการนิเทศการศึกษา ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา และด้านการวัดและประเมินผล และมีสภาพที่พึงประสงค์โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านโดยเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากสูงสุดไปหาต่ำสุด ได้แก่ ด้านการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ด้านการนิเทศการศึกษา ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา และด้านการวัดและประเมินผล 2. ผลการวิเคราะห์ความต้องการจำเป็นการบริหารงานวิชาการแบบมีส่วนร่วมตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอปทุมรัตต์ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยรวม ด้านที่มีความต้องการจำเป็นมากที่สุด คือ ด้านการวัดและประเมินผล รองลงมา คือ ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ด้านการนิเทศการศึกษา และด้านการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ตามลำดับ 3.
ข้อเสนอแนะการบริหารงานวิชาการแบบมีส่วนร่วมตามหลักสังคหวัตถุ 4 มีดังนี้ 1) ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ควรมีส่วนร่วมในการศึกษาและจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาให้มีความทันสมัย โดยร่วมกันประชุมระดมความคิดด้วยความเสมอภาคเพื่อพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับบริบทท้องถิ่น 2) ด้านการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ควรมีส่วนร่วมในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้มีคุณภาพ ร่วมกันจัดหางบประมาณ ส่งเสริมการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น มีส่วนร่วมในการติดตาม ประเมินผล และส่งเสริมให้ชุมชนพัฒนาแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นให้มีคุณภาพ 3) ด้านการวัดและประเมินผล ควรมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและยกย่องนักเรียนที่มีพัฒนาการด้านการเรียนที่ดี ร่วมถึงเป็นผู้สื่อสารกับผู้ปกครองเพื่อช่วยเหลือนักเรียนร่วมกัน และมีส่วนร่วมออกแบบการวัดและประเมินผลให้สอดคล้องกับสภาพท้องถิ่น และ 4) ด้านการนิเทศการศึกษา ควรมีส่วนร่วมในการชื่นชมและเผยแพร่ผลงานที่ดีของครูและนักเรียนต่อชุมชน รับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายและการวางตัวเป็นกลางในการนิเทศการศึกษา ให้ข้อเสนอแนะด้วยความจริงใจ และช่วยประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการพัฒนางานวิชาการให้มีคุณภาพ
The objectives of the research were 1) to study the current and desired situations of the participatory administration of academic affairs based on the Four Principles of Sangahavatthu by the basic education commission of the Educational Opportunity Expansion Schools in Pathumrat District, Roi Et Province, 2) to study the needs of the participatory administration of academic affairs based on the Four Principles of Sangahavatthu by the basic education commission, and 3) to compile the recommendations related to the issue as mentioned. Target populations were the members of basic education commission, totally 90 in number. The tool for collecting the data was the questionnaire with reliability at 0.92 and 0.91, relating to the current and desirable situations, respectively. Statistics used in data analysis were percentage, mean (μ), standard deviation (σ), and modified priority needs index (PNImodified) The results of research were found that: 1. The current situation of the participatory administration of academic affairs based on the Four Principles of Sangahavatthu by the basic education commission of the Educational Opportunity Expansion Schools in Pathumrat District, Roi Et Province, as a whole was found to be at a moderate level. Taking into account the individual aspects, the item that was found to stand on top of the scale was the development of learning resources, followed by instructional supervision, curriculum development, and measurement and evaluation, respectively. And the desired situation, was in an overall aspect, found to prevail at the highest level. Taking into account the individual aspects, the item that was found to stand on top of the scale was the development of learning resources, followed by the instructional supervision, the curriculum development, and the measurement and evaluation, respectively. 2. The analysis of the needs of the participatory administration of academic affairs based on the Four Principles of Sangahavatthu by the said commission was, in an overall dimension, found that the most desirable aspect was the measurement and evaluation, followed by curriculum development, instructional supervision, and development of learning resources, respectively. 3. The recommendations suggested by the respondents comprised the following: 1) The curriculum development area requires participation in designing curriculum to keep in pace of the changing situation by means of jointly mobilizing ideas on the basis of equity in order that the curriculum can properly serve the local needs. 2) For the developing of learning resources, there should be participation in terms of enhancing the quality of learning resources, fund raising, utilizing local intelligence, monitoring, measurement and evaluation. 3) The measurement and evaluation area requires the participation in such fields as honoring and rewarding students with good academic records, communicating with parents/guardians in an attempt to help backward students, and designing measurement and evaluation instruments that are suitable to local conditions. 4) The instructional supervision area should accommodate appreciating and publicizing the qualified works of teachers and students, hearing the opinions of all parties concerned and being neutral in instructional supervision, proposing suggestions with sincerity and cooperating with all sectors to develop quality of academic affairs.