งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาการบริหารงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กาฬสินธุ์ เขต 2 2) เพื่อเปรียบเทียบการบริหารงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กาฬสินธุ์ เขต 2 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน ครู และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 3) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะจากการศึกษาการบริหารงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กาฬสินธุ์ เขต 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 23 คน ครู จำนวน 128 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 161 คน รวมทั้งสิ้น 312 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่า F – test ( one-way ANOVA) ถ้าพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จะทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ย เป็นรายคู่ด้วยวิธี LSD ผลการวิจัยพบว่า 1. การบริหารงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กาฬสินธุ์ เขต 2 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน ครู และ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าทุกด้านมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือ ด้านการพัฒนาสื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา 2. ผลการเปรียบเทียบการบริหารงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กาฬสินธุ์ เขต 2 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน ครู และ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า ผู้บริหารโรงเรียน ครู และ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความคิดเห็นต่อการบริหารงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กโดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เพื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา และด้านการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3.
งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาการบริหารงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กาฬสินธุ์ เขต 2 2) เพื่อเปรียบเทียบการบริหารงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กาฬสินธุ์ เขต 2 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน ครู และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 3) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะจากการศึกษาการบริหารงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กาฬสินธุ์ เขต 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 23 คน ครู จำนวน 128 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 161 คน รวมทั้งสิ้น 312 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่า F – test ( one-way ANOVA) ถ้าพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จะทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ย เป็นรายคู่ด้วยวิธี LSD ผลการวิจัยพบว่า 1. การบริหารงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กาฬสินธุ์ เขต 2 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน ครู และ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าทุกด้านมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือ ด้านการพัฒนาสื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา 2. ผลการเปรียบเทียบการบริหารงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กาฬสินธุ์ เขต 2 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน ครู และ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า ผู้บริหารโรงเรียน ครู และ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความคิดเห็นต่อการบริหารงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กโดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เพื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา และด้านการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3.
ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการบริหารงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กาฬสินธุ์ เขต 2 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน ครู และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีดังนี้ ด้านการพัฒนาหลักสูตรของสถานศึกษา ควรมีการสำรวจปัญหา และความต้องการของผู้เรียน ครู ผู้ปกครองและชุมชน ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ การจัดกระบวนการเรียนรู้ ควรยึดหลักความรู้ความเข้าใจและพัฒนาการของผู้เรียนเป็นหลัก ด้านการวัดผลประเมินผล และเทียบโอนผลการเรียน ควรวัดผลประเมินผลให้สอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษา ประเมินตามสภาพจริงด้วยวิธีการที่หลากหลายเป็นที่ยอมรับ ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา ควรสร้างความตระหนักให้ครูเห็นความสำคัญของการวิจัยในชั้นเรียน ใช้การวิจัยในชั้นเรียนเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน ด้านการพัฒนาสื่อนวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการศึกษา ควรมีการจัดสรรงบประมาณ ในการพัฒนาสื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา ด้านการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ควรปรับเกณฑ์ประกันคุณภาพภายในตามขนาดโรงเรียน ภาระงาน สภาพแวดล้อมทางกายภาพและเศรษฐกิจ
The objectives of the research were: 1) to study the academic administration by small-sized schools under the Office of Primary Education Service, Kalasin Area 2, 2) to compare the opinions of the administrators, teachers and school committee members concerning the academic administration by the said schools, and 3) to survey the suggestions proposed by the respondents in the schools as mentioned. The samples were totally 312 in number, consisting of 23 administrators, 128 teachers and 161 school committee members. The device used for data collection was the five-rating scale questionnaire, and the statistical tools employed for data analysis were frequency, percentage, mean, S.D., and F-test (One way ANOVA). In case the significantly statistical difference was found, the LSD method was used to test the difference. The research results were as follows: 1. The opinions of the administrators, teachers and school committee members concerning the academic administration by the schools under the Office of Primary Education Service. Kalasin Area 2 were found, on both overall and individual aspects, to stand at the ‘MUCH’ level. The aspect that showed the highest mean was development of curriculum and the aspect that stood on the bottom was development of innovative media and education technology. 2. The comparison of the opinions of the administrators, teachers and school committee members concerning the academic administration by the said schools was found, in an overall aspect, to show statistically significant difference at the level of .05, whereas in an individual aspect, such items as curriculum development, learning process development, classroom action research and internal assessment development were found to show the statistically significant difference at the same rate of .05. 3. The suggestions proposed by the respondents were the following: The curriculum development required the survey of the prevalent problems and needs of the learners, teachers, guardians and surrounding community. The development of learning process should be based on the intelligence and development of the learners. The performance assessment and transfers should comply with the curriculum in use and refer to the real time situation, with variety of the measures. The classroom action research should be regarded as part of the learning and teaching process. The development of innovative media and education technology, the effective allotment of budget that sufficiently meet with the demands should be managed and the development of internal assessment procedures should be based on the school size, responsibilities, physical and economic environment.