Search results

1 results in 0.02s

หนังสือ

    สารนิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อสิทธิการรับการเยียวยาโดยศูนย์ยุติธรรมชุมชน ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี 2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อสิทธิการรับการเยียวยาโดยศูนย์ยุติธรรมชุมชน ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี จำแนกตามเพศ อายุ และระดับการศึกษา และ 3) เพื่อเสนอแนวทางเกี่ยวกับสิทธิของประชาชนในการรับการเยียวยาโดยศูนย์ยุติธรรมชุมชน ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่าง คือ ครัวเรือนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลกระแชง จำนวน 352 ครัวเรือน ด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย โดยการจับฉลากแบบทดแทน ในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) การทดสอบความแปรปรวนทางเดียว F-test (One-Way ANOVA) ถ้าพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จะทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วยวิธีการ ของเชฟเฟ่ (Scheffé) ผลการวิจัยพบว่า 1) ความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อสิทธิการรับการเยียวยาโดยศูนย์ยุติธรรมชุมชน ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี สรุปโดยรวมทั้ง 3 ด้าน อยู่ในระดับน้อย เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการขอรับค่าทดแทนแก่จำเลยในคดีอาญา รองลงมาคือ ด้านการขอรับค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา และด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยสุด คือด้านการขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม 2) ประชาชนที่มีเพศ อายุ และระดับการศึกษา ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อสิทธิการรับการเยียวยาโดยศูนย์ยุติธรรมชุมชน ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี โดยรวม3 ด้าน แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3) แนวทางเกี่ยวกับสิทธิการรับการเยียวยาโดยศูนย์ยุติธรรมชุมชน ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี คือ ควรมีการประชาสัมพันธ์ในทุก ๆ ช่องทางให้มากกว่าเดิม ลดขั้นตอนในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้บริการเบ็ดเสร็จในจุดเดียว เพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์โดยภาพรวม และมีการอบรมให้ความรู้ แนะแนวทางให้ทุก ๆ คนในชุมชน และควรเพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์แก่จำเลย นักโทษ รวมถึงประชาชน มีการให้การช่วยเหลือใน เชิงรุกมากกว่าการตั้งรับ
สารนิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อสิทธิการรับการเยียวยาโดยศูนย์ยุติธรรมชุมชน ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี 2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อสิทธิการรับการเยียวยาโดยศูนย์ยุติธรรมชุมชน ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี จำแนกตามเพศ อายุ และระดับการศึกษา และ 3) เพื่อเสนอแนวทางเกี่ยวกับสิทธิของประชาชนในการรับการเยียวยาโดยศูนย์ยุติธรรมชุมชน ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่าง คือ ครัวเรือนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลกระแชง จำนวน 352 ครัวเรือน ด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย โดยการจับฉลากแบบทดแทน ในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) การทดสอบความแปรปรวนทางเดียว F-test (One-Way ANOVA) ถ้าพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จะทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วยวิธีการ ของเชฟเฟ่ (Scheffé) ผลการวิจัยพบว่า 1) ความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อสิทธิการรับการเยียวยาโดยศูนย์ยุติธรรมชุมชน ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี สรุปโดยรวมทั้ง 3 ด้าน อยู่ในระดับน้อย เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการขอรับค่าทดแทนแก่จำเลยในคดีอาญา รองลงมาคือ ด้านการขอรับค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา และด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยสุด คือด้านการขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม 2) ประชาชนที่มีเพศ อายุ และระดับการศึกษา ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อสิทธิการรับการเยียวยาโดยศูนย์ยุติธรรมชุมชน ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี โดยรวม3 ด้าน แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3) แนวทางเกี่ยวกับสิทธิการรับการเยียวยาโดยศูนย์ยุติธรรมชุมชน ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี คือ ควรมีการประชาสัมพันธ์ในทุก ๆ ช่องทางให้มากกว่าเดิม ลดขั้นตอนในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้บริการเบ็ดเสร็จในจุดเดียว เพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์โดยภาพรวม และมีการอบรมให้ความรู้ แนะแนวทางให้ทุก ๆ คนในชุมชน และควรเพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์แก่จำเลย นักโทษ รวมถึงประชาชน มีการให้การช่วยเหลือใน เชิงรุกมากกว่าการตั้งรับ
The objectives of this thematic paper were as follows: 1) to study the opinions of the people towards the right to receive remedies by the Community Justice Center, in the Krachaeng Sub-district Administrative Organization, Sam Khok District, Pathum Thani Province ; 2) to compare the opinions of the people on the right to receive remedies by the Community Justice Center in the Krachaeng Sub-district Administrative Organization, Sam Khok District, Pathum Thani Province, classified by gender, age and education level; and 3) to suggest guidelines for the rights of people to be healed by the Community Justice Center. In the Krachaeng Sub-district Administrative Organization, Sam Khok District, Pathum Thani Province. The research instruments were questionnaires. The sample group consisted of 352 households in the Krachag Sub-district Administration Organization area with simple random sampling, by drawing a replacement label in data collection. The used statistics in the research were frequency, percentage, mean, standard deviation. T-test, one-way variance test, F-test (One-Way ANOVA). If there was a significant difference at the level of 0.05, the average difference would be tested in pair by Scheffé's method. The results of the research were found as follows: 1) Public opinion on the right to receive remedies by the Community Justice Center in the Krachaeng Sub-district Administrative Organization, Sam Khok District, Pathum Thani Province, was in the whole view of all 3 aspects at a low level. When considering each aspect, it was found that the highest average value was the request for compensation to the criminal defendant, followed by the request for assistance from the justice fund, and the request for assistance from the justice fund. 2) People with different gender, age and education levels had opinions on the right to receive remedies by the Community Justice Center, in the Krachaeng Sub-district Administrative Organization, Sam Khok District, Pathum Thani Province, with 3 different aspects, with statistical significance at the level of 0.05. 3) In suggestions relating to the right to be healed by the Community Justice Center in the Krachaeng Sub-district Administrative Organization, Sam Khok District, Pathum Thani Province, there should have public relations in every more channels, should reduce the process of providing assistance in a single service, should have public relations channels as a whole., should have training to educate guidance for everyone in the community and should increase public relations channels for defendants, prisoners, and people by providing them with offensive support rather than defensive support.